รีวิว Huawei Watch GT 2 Pro พรีเมียมสมาร์ทวอทช์ ฟีเจอร์ครบในดีไซน์เรียบหรู

Pros

ใช้วัสดุพรีเมียม (กระจกแซฟไฟร์ / บอดี้ไทเทเนียม / ฝาหลังเซรามิก)
เซ็นเซอร์ตรวจวัดมีความแม่นยำ
รับสาย-โทรออกได้
ชาร์จครั้งเดียวใช้งานได้ 10-14 วัน
รองรับชาร์จไร้สาย
มีสายให้เปลี่ยน 2 แบบ (สายหนัง / สายซิลิโคน)
ใช้งานได้ทั้ง Android และ iOS

Cons

ไม่รองรับการทำงานร่วมกับแอพฯ Third-Party
ตัวเครื่องค่อนข้างหนา
ราคาค่อนข้างสูง

สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่จาก Huawei ที่ได้รับการพัฒนามาจาก Huawei Watch GT 2 โดยเพิ่มความพรีเมียมของวัสดุรอบตัวเรือนด้วยวัสดุที่มีความทนทานสูง และการรองรับระบบชาร์จไร้สาย รับสาย-โทรออกได้ มีโหมดออกกำลังกายระดับโปรมากกว่า 100 โหมด ติดตั้งเซ็นเซอร์ตรวจจับสุขภาพที่หลากหลาย รองรับ GPS ในตัว และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานถึง 2 สัปดาห์ต่อรอบชาร์จ

Key Specification

  • หน้าปัด 47 มม. (Oversized)
  • หน้าจอ AMOLED 1.39 นิ้ว ความละเอียด 454x454px 326ppi 
  • ชิป Kirin A1 + STL4R9, แรม 32MB ความจุ 4GB
  • มาตรฐานเชื่อมต่อ Bluetooth 5.1 / NFC
  • เซ็นเซอร์ Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Geomagnetic sensor, Optical heart rate sensor, Ambient light sensor, Air pressure sensor และ Capacitive sensor
  • รองรับชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 14 วัน
  • กันน้ำ 5ATM (50 เมตร)
  • รองรับระบบปฏิบัติการ Android 4.4 และ iOS 9.0 ขึ้นไป
  • ขนาด / น้ำหนัก 46.7 x 46.7 x 11.4 มม. / 52 กรัม (ไม่รวมสาย)
  • อุปกรณ์ในกล่อง: ตัวเรือน / สายหนัง / สายซิลิโคน  / แท่นชาร์จ / สาย USB-C

ดีไซน์: หน้าปัดทรงกลมที่ให้ความรู้สึกพรีเมียม
ในความรู้สึกของเรา Huawei Watch GT 2 Pro เป็นหนึ่งในสมาร์ทวอทช์ที่มีหน้าปัดทรงกลมที่ดูสวยงามลงตัวกว่ารุ่นที่เคยใช้งานมาก่อนหน้า (ส่วนใหญ่เป็นจอทรงเหลี่ยม) เหตุผลก็คือมันให้ความรู้สึกคลาสสิค ดูเรียบง่าย เข้ากับการแต่งตัวทุกชุด ดูภายนอกโอลสคูลแต่ซ่อนความไฮเทคไว้ภายใน

แทนที่จะใช้กระจก Gorilla Glass ที่นิยมใช้กับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์พกพาทั่วไป Huawei เลือกที่จะใช้กระจกแซฟไฟร์แบบที่ใช้ในนาฬิกาหรูราคาแพงกับ Huawei Watch GT 2 Pro ซึ่งนอกจากความหรูหราแล้วยังแข็งแกร่งและทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดี (ความแข็งของแซฟไฟร์จัดอยู่ระดับ 9 เป็นรองแค่เพชรเท่านั้น) โดยกระจกแซฟไฟร์จะครอบทับจอแสดงผลขนาด 1.39 นิ้วแบบ AMOLED สีสันสวยงาม มีระบบปรับความสว่างอัตโนมัติ ทดสอบใช้งานกลางแดดสามารถสู้แสงได้ดี มองเห็นข้อมูลบนหน้าปัดชัดเจนไม่มีปัญหา

ค่ามาตรฐานนั้นจะแสดงผลหน้าปัดให้เห็นประมาณ 5 วินาที แต่ก็สามารถปรับให้นานขึ้นได้เป็น 5, 10, 15 และ 20 นาที รวมไปถึงสามารถเลือกปรับให้เป็นแบบ Always On ได้ แต่จะมีหน้าปัดแบบพิเศษแยกต่างหากเพื่อช่วยในการประหยัดพลังงาน แต่ก็แน่นอนว่าโหมดนี้จะทำให้ใช้งานได้สั้นลงกว่าปกติ

ตัวเรือนขึ้นรูปด้วยไทเทเนียมน้ำหนักเบาพร้อมเคลือบผิวเพิ่มความแข็งแรงทนทาน เช่นเดียวกับฝาหลังที่ใช้วัสดุเซรามิกที่สามารถป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนได้ดีกว่า ทั้งยังมีความเงางามและให้ผิวสัมผัสที่ดีเวลาสวม ไม่ลื่นหลวมและไม่อมเหงื่อเหมือนรุ่นที่ฝาหลังเป็นพลาสติก อีกทั้งวัสดุเซรามิกยังช่วยให้นาฬิกาสามารถชาร์จแบบไร้สายร่วมกับแท่นชาร์จไร้สายของสมาร์ทโฟนทั่วไปได้ด้วย

ด้านขวาของตัวเรือนติดตั้งปุ่มควบคุมการทำงาน 2 ปุ่มดีไซน์คล้ายเม็ดมะยมแต่หมุนแล้วไม่เกิดฟังก์ชั่นอะไร ปุ่มบนกดเพื่อเข้าถึงแอพฯ ต่างๆ ส่วนปุ่มด้านล่างสามารถ Customize ฟังก์ชั่นได้ตามใจชอบ

ในส่วนของสายข้อมือนั้นสามารถถอดเปลี่ยนได้ง่ายด้วยระบบสลัก ซึ่งในกล่องจะมีสายให้เลือกใช้งาน 2 รูปแบบคือสายหนังสี Gray Brown โทนสีโกโก้อ่อนๆ ดูเรียบหรูไว้ออกงานได้ และสายซิลิโคนคุณภาพสูงสีดำ สำหรับเปลี่ยนให้ดูสปอร์ทลุค ใช้ในวันออกกำลังกาย หรือต้องการความสมบุกสมบัน หรือหากต้องการความหลากหลายกว่านี้ก็สามารถหาซื้อสายของแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นแบบ 46 มม. มาเปลี่ยนได้ 

ฮาร์ดแวร์ลื่นไหล ประหยัดพลังงาน แต่ต้องแลกด้วยฟังก์ชั่นที่จำกัด
Huawei Watch GT 2 ใช้ชิปประมวลผล Kirin A1 มีแรม 32MB และพื้นที่เก็บข้อมูล 4GB ถูกรันโดย Lite OS ที่ถูกปรับปรุง UI ให้มีความลื่นไหลกว่าเดิม ที่สำคัญคือการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานได้ดีจนน่าตกใจ เพราะระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จหนึ่งครั้งนั้นสามารถอยู่ได้สูงสุดถึง 14 วัน แถมยังชาร์จเร็วโดยการชาร์จ 5 นาทีจะทำให้เราสามารถใช้งานต่อไปได้อีก 10 ชั่วโมง  

อย่างไรก็ตาม การเน้นเรื่องประหยัดพลังงานก็ทำให้ Huawei Watch GT 2 มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น การแจ้งเตือน Notification ยังเป็นแบบ One-way คือไม่สามารถแตะเพื่อโต้ตอบได้ (แสดงภาษาไทยได้สมบูรณ์) เช่นเดียวกับ Fitness Tracker ที่จะแจ้งเตือนข้อความต่างๆ มาจากแอพบนสมาร์ทโฟน ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบกลับหรือแตะเพื่อเปิดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ หรือการที่ตัวระบบปฏิบัติการไม่รองรับการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นออกกำลังกายของค่ายผู้พัฒนาอื่นๆ เช่น Nike Run, Strava, Endomondo ฯลฯ ได้ แต่ก็ต้องถือว่า Huawei Health เป็นแอพฯ ที่ทำการบ้านมาค่อนข้างดีเพราะสามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ค่อนข้างสมบูรณ์ในตัวมันเองแล้ว

อย่างไรก็ตาม Huawei Watch GT 2 ก็ไม่ได้ปิดกั้นให้ใช้งานเฉพาะแอพ Huawei Health เท่านั้น เพราะมันสามารถซิงโครไนซ์ข้อมูลสุขภาพที่ตรวจวัดได้ไปยัง 3 บริการหลักๆ คือ Google Fit, MyFitnessPal หรือถ้าใช้ iPhone ก็สามารถซิงค์ข้อมูลกับ Apple Health ได้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการเต้นหัวใจ การนอนหลับ การนับก้าว รวมไปถึงข้อมูลการออกกำลังกายต่างๆ ถือว่ามีทางเลือกให้ผู้ใช้งานมากขึ้นกว่ารุ่น GT ก่อนหน้า

เซ็นเซอร์ตรวจวัดแม่นยำ ฟังก์ชั่นออกกำลังกายครบครัน
Huawei Watch GT 2 มาพร้อม Accelerometer sensor, Gyroscope sensor, Geomagnetic sensor, Optical heart rate sensor, Ambient light sensor, Air pressure sensor และ Capacitive sensor เรียกได้ว่ามีครบทุกอย่างเท่าที่สมาร์ทวอทช์ดีๆ ต้องมี และแน่นอนว่าการทำงานของเซ็นเซอร์เหล่านี้ก็มีความแม่นยำเชื่อถือได้ในระดับมาตรฐานสากล ไม่ว่าจะเป็นการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ,  ระดับอ็อกซิเจนในเลือด (SpO2), ภาวะเครียด (Stress-Level Tracking), ระดับความฟิตของร่างกาย (VO2Max), คุณภาพการนอนหลับ (Sleep Tracker) ซึ่งข้อมูลจะถูกเก็บไปประมวลผลและแสดงเป็นสถิติให้ผู้ใช้งานเห็นอย่างละเอียดทุกแง่มุมในหน้าแอพฯ

ในส่วนของแอพฯ ออกกำลังกายนั้น มีกิจกรรมหลักให้เลือก 19 อย่าง (กลางแจ้ง 12 ในร่ม 7) ครอบคลุมการออกกำลังกายทุกรูปแบบทั้งการเดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ โดยโหมดออกกำลังกายใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในรุ่น Pro คือ สกี สโนว์บอร์ด และกอล์ฟ น่าเสียดายที่สภาพอากาศบ้านเราเอื้อสำหรับการทดสอบความแม่นยำของโหมดเหล่านี้ได้

นอกจากกีฬาหลักๆ 19 อย่างแล้ว ในเมนู Overflow (กดปุ่มล่าง) ยังมีกิจกรรมย่อยๆ ให้เลือกอีกเกือบร้อยชนิด ทั้งการแอโรบิก พิลาทิส บัลเล่ต์ โรลเลอร์สเก็ต สตรีทแดนซ์ บอดี้คอมแบท รำไทเก๊ก ปาลูกดอก ฯลฯ เรียกว่ามีทุกอย่างที่จะนึกออก ขนาดชักว่าวยังมีเลย

รับสาย-โทรออก สนทนาผ่านนาฬิกาได้โดยตรง
แม้จะมีข้อจำกัดอยู่บ้างอย่างที่บอกไปข้างต้น แต่หนึ่งความสามารถที่ Huawei Watch GT 2 ทำได้และทำได้อย่างน่าประทับใจคือการมีลำโพงและไมโครโฟนในตัว รองรับการสนทนาผ่านตัวนาฬิกาโดยไม่ต้องล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์

ซึ่งการทดสอบรับสาย-โทรออกพบว่าเสียงสนทนาจากปลายสายมีความชัดเจนมาก (เสียงดังฟังชัดที่สุดเท่าที่เราเคยทดสอบมาในกลุ่มสมาร์ทวอชท์ที่ไม่ใช่ Apple Watch) ในขณะเดียวกันปลายสายก็ได้ยินเสียงเราชัดเจนมากเช่นกัน ฟังก์ชั่นนี้ถือว่ามีประโยชน์มากในกรณีมือไม่ว่างไม่สะดวกหยิบโทรศัพท์ เช่นระหว่างการออกกำลังกาย การเดินช็อบปิ้งถุงเต็มมือ หรือแม้กระทั่งเวลาอยู่ในบ้านแล้วหาโทรศัพท์ไม่เจอ เพราะแม้ตัวนาฬิกาจะอยู่ห่างจากโทรศัพท์ค่อนข้างไกลในระดับเกิน 10 เมตรก็ยังใช้งานได้ดีไม่มีปัญหา (คุยเสร็จกดใช้ฟังก์ชั่น Find My Phone หาโทรศัพท์ได้ด้วย)

สรุป และความคิดเห็นของ TechMayday
Huawei Watch GT 2 Pro เป็น Wearable Device ที่จัดว่าครบเครื่องทั้งด้านดีไซน์และการใช้วัสดุที่มีความพรีเมียม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทวอชท์ที่ดูเหมือนนาฬิกาธรรมดา ใช้ได้ทั้งออกงานกาล่า และออกกำลังกาย มีฟีเจอร์สำหรับการดูแลสุขภาพที่แม่นยำเชื่อถือได้ มีรูปแบบหน้าปัด (Watch faces) ให้เลือกเปลี่ยนได้หลากหลายสไตล์นับร้อยแบบ ที่สำคัญยังมีข้อได้เปรียบสมาร์ทวอชท์ประสิทธิภาพสูงรุ่นอื่นๆ คือการที่มันไม่จำเป็นต้องชาร์จวันเว้นวัน โดยเรือนที่เราได้รับมาทดสอบใช้งานต่อเนื่อง 9 วันแบตเตอรี่ลดลงเหลือประมาณ 45% ซึ่งถือว่าทำได้น่าประทับใจ แต่ทั้งหมดนี้ต้องยอมรับการที่มันไม่รองรับแอพพลิเคชั่นนอกค่ายใดๆ ซึ่งถ้าคุณเพิ่งเริ่มใช้สมาร์ทวอชท์เป็นเรือนแรก Huawei Health ก็มีฟีเจอร์จำเป็นๆ ทุกอย่างครบแถมไม่ได้ขี้เหร่เลยด้วย



ขอบคุณ: หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)