สรุปการเปิดตัว Windows 11 ทางการ สำรวจฟีเจอร์ใหม่ และการอัพเกรดฟรี

ในที่สุดไมโครซอฟท์ก็ทำการประกาศเปิดตัว Windows 11 อย่างเป็นทางการเมื่อคืนที่ผ่านมา (24 มิ.ย. 64) โดยระบบปฏิบัติการตัวใหม่ล่าสุดถูกพัฒนาให้มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ใช้งาน ให้ผู้ใช้ได้ใกล้ชิดกับสิ่งที่รักและคนที่รักมากยิ่งขึ้น

Windows 11 ใหม่ ถูกออกแบบให้พร้อมสำหรับทั้งการทำงาน เรียน และเล่น ส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเอื้อให้ทำงานแบบ multitasking ได้อย่างลื่นไหล รวมถึง Microsoft Store โฉมใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าแอพ เล่นเกม และชมภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น 

“รูปแบบการใช้คอมพิวเตอร์พีซีของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา จากการใช้เพื่อทำงานเน้นฟังก์ชันก็เปลี่ยนเป็นการใช้เพื่อตอบโจทย์เรื่องส่วนตัวและความรู้สึกมากยิ่งขึ้น และนี่คือแรงบันดาลใจของเราในการสร้างสรรค์ Windows เจเนอเรชันใหม่เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนกว่าพันล้านคนทั่วโลกไว้วางใจ โดยเราตั้งใจให้ Windows 11 เป็นเหมือนสถานที่ที่ทุกคนคุ้นเคยและพร้อมที่จะเข้าร่วมสร้างสรรค์ เรียนรู้ เล่นสนุก และที่สำคัญคือติดต่อกันได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น” พานอส พาเนย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ กล่าว

WINDOWS 11 มีอะไรใหม่บ้าง? 
แม้ดูเผินๆ Windows 11 จะคล้ายกับ Windows 10 พอสมควร แต่จริงๆ แล้วมีฟีเจอร์มากมายถูกเพิ่มเติมเข้ามาใน Windows 11 รวมไปถึงดีไซน์ที่ถูกปรับจนเรียกได้ว่าเป็น All New เลยก็ว่าได้ (อ้างอิงดีไซน์บางส่วนมาจาก Windows 10X ที่เลิกพัฒนาไป) นอกจากฟีเจอร์และดีไซน์แล้ว ในส่วนของประสิทธิภาพการทำงานนั้นก็ได้รับการปรับปรุงให้ได้ดีกว่าวินโดว์รุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งานแบบ Multi-task, ใช้งานหลายหน้าจอ, เล่นเกม, ระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ และที่ฮือฮาที่สุดคือการรองรับการใช้งานแอพพลิเคชั่น Android ได้บน Windows 11 ได้โดยตรงแบบไม่ต้องผ่าน Emulator อีกต่อไป
 
 

เร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมดีไซน์เรียบง่ายเพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน

Windows 11 มาพร้อมอินเทอร์เฟซที่ดูสบายตาและฟีเจอร์ใช้งานง่าย เพื่อตอบสนองผู้ใช้ให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นพร้อมจุดประกายความสร้างสรรค์ โดยผู้ใช้งานสามารถค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

 

  • ย้ายแถมเมนูปุ่ม Start มาอยู่ตรงกลางหน้าจอ เพื่อให้เหมาะสำหรับจอภาพขนาดใหญ่และช่วยให้มีพื้นที่การใช้งานมากขึ้น
  • ปรับเปลี่ยนการจัดวางหน้าต่างแอพพลิเคชั่นได้ 6 รูปแบบ เพื่อการใช้งาน Multi-task ได้ดียิ่งขึ้น เลือกได้ว่าจะวางแต่ละโปรแกรมแบบไหน โดย Windows 11 จะมาพร้อมฟีเจอร์เด็ดๆ อย่าง Snap Layouts, Snap Groups และ Desktops สามารถปรับเทมเพลตให้เหมาะสมไม่ว่าจะช่วงทำงาน เล่นเกม หรือใช้เรียน ซึ่งสามารถตั้งค่าและสลับใช้งานได้อย่างง่ายดาย

ผู้ใช้งานยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สนใจได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นผ่าน Widgets ซึ่งรวบรวมข่าวสารที่คัดสรรมาเพื่อคุณโดยเฉพาะผ่านระบบ AI และบราวเซอร์ประสิทธิภาพสูงจาก Microsoft Edge โดยฟังก์ชัน Widgets จะทำให้นักสร้างสรรค์และนำเสนอคอนเทนต์สามารถส่งคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ผู้ใช้งานก็จะได้รับคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจจริงๆ

Windows 11 ได้รับการออกแบบมาให้เป็นแพลตฟอร์มที่ปลอดภัย สามารถใช้งานแบบไฮบริดได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียน โดยใช้เทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยไซเบอร์แบบล่าสุดโดยออกแบบระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Zero Trust ในการปกป้องข้อมูลและคุ้มครองสิทธิการเข้าถึงการใช้งานบนทุกดีไวซ์

 

ประสบการณ์ที่เหนือกว่าสำหรับการเล่นเกม ความบันเทิง และการติดต่อสื่อสาร

Windows 11 มาพร้อมกับการเปลี่ยนโฉม Microsoft store ที่เสริมทั้งความเร็ว ความหลากหลาย และความสะดวกสบายให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนั้น ยังมีแอพมากมายและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นซึ่งผ่านการทดสอบแล้วว่าปลอดภัยไว้ใจได้อุ่นใจสำหรับคนในครอบครัว ช่วยเสริมประสบการณ์แปลกใหม่ให้ผู้ใช้ได้เพลิดเพลิน สร้างแรงบันดาลใจ และเชื่อมต่อถึงกันได้อย่างลงตัว โดยยังเป็นครั้งแรกของ Microsoft Store ที่จะมีแอพสำหรับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์รวมอยู่ด้วย ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอพได้อย่างสะดวกสบายยิ่งขึ้นผ่าน Amazon App store โดยเรื่องดีๆ เช่นนี้เกิดขึ้นได้แน่นอนว่าเกิดจากความร่วมมือระหว่างไมโครซอฟท์กับ Amazon

และรับรองได้ว่าทุกแอพที่ใช้งานบน Windows 10 จะสามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์บน Windows 11 ผ่าน App Assure บริการที่ช่วยให้ลูกค้าองค์กรที่มีผู้ใช้งานแอพตั้งแต่ 150 คนขึ้นไป ได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับแอพต่างๆ ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

Windows 11 ยังสามารถปลดล็อกฮาร์ดแวร์ให้ทำงานได้เต็มศักยภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยีล่าสุดในวงการเกม ให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์เล่นเกมที่เหนือชั้นและสมจริงยิ่งขึ้นผ่าน:

  • DirectX 12 Ultimate มอบกราฟิกที่สมจริงอย่างน่าทึ่ง พร้อมเฟรทเรทที่ไหลลื่น
  • DirectStorage ช่วยลดเวลาการโหลดเกม และปูทางไปสู่โลกในเกมที่มีรายละเอียดมากกว่าที่เคย
  • Auto HDR เสริมสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับภาพจนสะกดทุกสายตา
  • เล่นเกมพีซีคุณภาพสูงกว่า 100 เกม รวมถึงเกมใหม่ล่าสุดซึ่งจะเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ใช้ Xbox Game Pass for PC หรือ Xbox Game Pass Ultimate

Windows 11 มอบประสบการณ์ใหม่ให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อกับทุกคนที่สำคัญในชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยการติดตั้ง Microsoft Teams ไว้ที่ทาสก์บาร์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อกับทุกคนได้ทันทีผ่านข้อความแชท ภาพ เสียง หรือวิดีโอ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลก และใช้ได้ทั้งกับ Windows Andriod และ iOS หรือถ้าใครที่ไม่มีแอพ Teams ก็สามารถติดต่อกันได้ผ่านข้อความสั้น (two-way SMS) ซึ่งการนำฟีเจอร์ของ Teams มาผสมผสานกันนี้ยังทำให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการพรีเซนต์งานหรือปิดเสียงตัวเองในการประชุมได้ทันทีจากทาสก์บาร์

 

สร้างโอกาสที่เปิดกว้างมากขึ้น ให้กับนักพัฒนาและนักสร้างสรรค์

ไมโครซอฟท์ก้าวสู่ความล้ำหน้าที่ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปลดล็อกศักยภาพให้นักพัฒนาและนักสร้างสรรค์หรือ creator ด้วยระบบนิเวศที่เปิดกว้างใน Windows 11 ซึ่งจะมอบประโยชน์ให้แก่นักพัฒนาในการสร้างสรรค์ พร้อมๆ ไปกับการมอบแอพพลิเคชัน เกมส์ ภาพยนตร์ ซีรีส์ และคอนเทนต์ออนไลน์มากมายให้กับผู้ใช้งาน อาทิ

  • นักพัฒนาแอพและผู้ผลิตซอฟต์แวร์อิสระ สามารถนำแอพมาลงใน Microsoft Store ได้ ไม่ว่าจะเป็นแอพที่พัฒนามาจากเฟรมเวิร์คไหนก็ตาม เช่น Win32 หรือ Progressive Web App
     
  • แนวทางใหม่ของไมโครซอฟท์ในการการแบ่งปันรายได้ให้กับนักพัฒนา จะช่วยให้พวกเขาได้รับรายได้จากการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางของตนเองได้เต็ม 100% โดยนักพัฒนาแอพยังสามารถเลือกใช้ระบบรองรับการซื้อขายของไมโครซอฟท์ได้เช่นเดิม โดยมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 85/15

 

อัพเกรดเป็น Windows 11 ฟรีไหม?

คำถามสำคัญโดยเฉพาะคนที่เพิ่งซื้อหรือใช้งาน Windows 10 ในปัจจุบัน ซึ่งไมโครซอฟท์ได้ยืนยันเรื่องนี้ว่า ผู้ใช้งานสามารถอัพเกรดเป็น Windows 11 ได้ฟรีเฉพาะผู้ที่ใช้งาน Windows ลิขสิทธิ์แท้ (แต่ยังไม่ระบุว่า Windows 7, 8 และ 8.1 จะสามารถอัพเป็น Windows 11 ได้ฟรีด้วยหรือไม่) แต่ข้อแม้ก็คืออุปกรณ์จะต้องมีสเปคผ่านขั้นต่ำที่กำหนด และจะเริ่มเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถอัพเกรดได้ในช่วงปลายปีนี้

 

สเปคขั้นต่ำสำหรับการใช้งาน Windows 11

  • CPU : ความเร็วขั้นต่ำ 1 GHz พร้อมมีซีพียู 2 คอร์ขึ้นไป ที่เป็นแบบ 64-bit หรือ System on a Chip (SoC)
  • GPU : รองรับ DirectX 12 / WDDM 2.x
  • RAM : ขั้นต่ำ 4 GB
  • Storage : 64GB ขึ้นไป
  • Display : มากกว่า 9 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD (720p) ขึ้นไป
  • System firmware UEFI, Secure Boot capable
  • TPM Trusted Platform Module (TPM) : version 2.0 ขึ้นไป



สำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าพีซีหรือโน้ตบุ๊กที่ใช้งานอยู่สามารถรองรับ Windows 11 หรือไม่ สามารถดาวน์โหลดแอพ Windows PC Healh Check มาตรวจสอบได้ 

คลิกดาวน์โหลด Windows PC Healh Check ได้ที่ลิงก์นี้ 


ข้อมูล: Microsoft