รีวิว Huawei FreeLace Pro เสียงเกินราคา มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ANC

Pros

คุณภาพเสียงเกินราคา
วัสดุพรีเมียม ดีไซน์หรู
ใส่ได้กระชับไม่หลุดง่าย
ระบบตัดเสียงรบกวนใช้งานได้จริง
แบตเตอรี่ใช้ได้นาน
ชาร์จง่ายด้วยหัว USB-C ในตัว

Cons

Touch Control ต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคย
เชื่อมต่อพร้อมกันได้ดีไวซ์เดียว
ใช้งานเวลาใส่ Mask ไม่สะดวก

หูฟังสไตล์คล้องคอ (Neckband) รุ่นใหม่ล่าสุดของ Huawei ที่จับเอาเทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับหูฟังไร้สายมารวมไว้ในหนึ่งเดียวทั้งระบบตัดเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อม Active Noise Cancellation แบตเตอรี่ที่ฟังได้ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง และคุณภาพเสียงเซอร์ไพรส์ผู้ฟังในราคาเอื้อมถึง

Huawei FreeLace Pro: Key Specification

  • ราคา 2,990 บาท
  • ความยาวสาย (ปลายถึงปลาย): 86.2 เซนติเมตร
  • น้ำหนัก: 34 กรัม
  • ไดรเวอร์: ไดนามิค ขนาด 14.2 มิลลิเมตร
  • การเชื่อมต่อ: Bluetooth 5.0 รองรับโพรโตคอล A2DP 1.3, HFP 1.6 และ AVRCP 1.5
  • เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน: Dual ANC
  • แบตเตอรี่: 150mAh
  • ใช้งานต่อเนื่อง: 24 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาชาร์จ: 60 นาที
  • พอร์ตชาร์จ: USB-C
  • มาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น: IP55
  • อุปกรณ์ในกล่อง: สายชาร์จ USB-A to USB-C Adapter, จุกหูฟังไซส์ S, L
  • ตัวเลือกสี: ดำ (Obsidian Black), เขียว (Spruce Green), ขาวครีม (Dawn White)

เทคโนโลยี ดีไซน์ และการสวมใส่
ด้วยความที่ Huawei FreeLace Pro ถูกออกแบบมาในลักษณะของ Neckband ที่มีสายเชื่อมระหว่างหัวหูฟังทั้งสองข้างมันจึงไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของหูฟัง TWS (True Wireless Stereo) แต่จะเรียกว่าหูฟัง Hybrid ที่ตัวหูฟังทั้งสองข้างเชื่อมต่อกันด้วยสาย และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อื่นๆ ผ่านบลูทูธ ซึ่งข้อดีคือเราจะไม่เจอปัญหาสัญญาณสะดุดหรือขาดหายระหว่างหูฟังซ้าย-ขวาเหมือนที่เกิดกับหูฟัง TSW บางรุ่น

สำหรับ FreeLace Pro ที่เราได้รับมารีวิวในครั้งนี้เป็นสีเขียว Spruce Green ที่ดูแปลกใหม่แต่สวยดี เนื้อวัสดุบริเวณที่เป็นสายพาดคอมีลักษณะเป็นยางซิลิโคนคุณภาพสูงที่สัมผัสได้ถึงความหนาและมีคุณสมบัติลดโอกาสเกิดอาการแพ้ (Hypoallergenic) เวลาสวมใส่โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย

ถัดจากสายพาดคอทั้งสองด้านจะมีแท่งโลหะผิวมันวาวที่มีน้ำหนักกำลังดี ด้านซ้ายไม่มีฟังก์ชั่นอะไร ในขณะที่ด้านขวาจะติดตั้งปุ่มควบคุมการทำงานทั้งปุ่ม Power, ปุ่ม Function, ปุ่ม +/- เพิ่มลดเสียง โดยปุ่มออกแบบให้มีลักษณะนูนต่ำช่วยให้การกดทำได้โดยไม่ต้องก้มมอง และที่แท่งควบคุมด้านขวานี้เองจะซ่อนคอนเนคเตอร์ USB-C ไว้ใต้ปลอกสวมอย่างแนบเนียนจนแทบมองไม่ออกว่าสามารถถอดได้

คอนเนคเตอร์ที่ซ่อนอยู่นี้มีหน้าที่เป็นทั้งพอร์ตชาร์จ และการจับคู่ (Pair) กับสมาร์ทโฟนของหัวเว่ยด้วยเทคโนโลยี HiPair ส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีที่สะดวก เร็ว ลดความยุ่งยากในการ Pair บลูทูธตามวิธีปกติ โดยเฉพาะเวลาใช้ไปนานๆ แล้วต้องทำการ Pair ใหม่ บางครั้งก็จำไม่ได้ว่าต้องกดปุ่มไหน กดนานเท่าไหร่ถึงจะเข้าโหมด Pair แต่ด้วยวิธีการจับคู่ด้วย HiPair แค่เสียบเข้ากับสมาร์ทโฟนที่ต้องการใช้งานแล้วกดยืนยัน ก็ใช้งานได้แล้ว

นอกจากการ Pair แล้ว หัว USB-C นี้ยังใช้เป็นหัวชาร์จโดยไม่ต้องพกเคสชาร์จต่างหาก เพราะสามารถเสียบชาร์จกับอะแดปเตอร์ โน้ตบุ๊ก หรือสมาร์ทโฟนที่มีพอร์ต USB-C ที่สนับสนุน OTG ได้ทันที โดยแบตเตอรี่ขนาด 150 mAh นั้นใช้เวลาชาร์จ 60 นาทีก็สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องได้ประมาณ 24 ชั่วโมง (ปิด ANC) หรือ 16 ชั่วโมง (เปิด ANC) 

สำหรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนนั้น ยังสามารถตั้งค่า FreeLace Pro ได้เพิ่มเติมผ่านแอพพลิเคชั่น Huawei Ai Life ทั้งการตั้งค่า ANC, การกำหนดฟีเจอร์สำหรับ Touch Control, การตั้งค่าปุ่ม Power รวมไปถึงการอัพเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปรับปรุงคุณภาพเสียงและการเชื่อมต่อในอนาคต

ตัวหูฟังทั้งสองข้างเชื่อมต่อกับสายพาดคอด้วยสายสัญญาณที่เส้นใหญ่กว่ามาตรฐานเล็กน้อย อาจเป็นเพราะฉนวนหุ้มที่เป็นยางซิลิโคนป้องกันการม้วนพันระหว่างเก็บและใช้งาน

การสวมใส่ทำได้ง่ายในลักษณะของหูฟังแบบ In-Ear ทั่วไป โดยจุกยางของ FreeLace Pro จะมี Wingtips เสริมเข้ามา (FreeLace รุ่นแรกไม่มี) และมีขนาด L, S มาให้เปลี่ยนในกล่อง ทำให้การสวมใส่ทำได้กระชับและหลุดยากแม้จะทำกิจกรรมที่มีการขยับ-เคลื่อนไหวมากๆ อย่างการเล่นโยคะ คาดิโอบ็อกซิ่ง วิ่งออกกำลังกาย 



นอกจากนี้ตัวหูฟังทั้งสองด้านจะมีแม่เหล็กที่สามารถเชื่อมติดเข้าด้วยกันเสมือนเป็นสวิตช์เปิดปิดการทำงาน เวลาเลิกใช้ก็แปะติดกันเพื่อปิดและกันหล่นหายเวลาคล้องคอ เมื่อต้องการใช้งานก็แค่แยกออกจากกันเพื่อเริ่มการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติ

โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ได้ชื่นชอบหูฟังลักษณะ Neckband นักเพราะประสบการณ์พบว่าหลายรุ่นใส่ไปนานๆ แล้วรู้สึกถ่วงหู แต่แปลกที่ความรู้สึกนี้เราไม่พบในระหว่างการใช้ FreeLace Pro ตลอดหนึ่งสัปดาห์ ต้องยกความดีให้กับทีมออกแบบที่สร้างสมดุลย์ทั้งการเลือกวัสดุและการคำนวณจุดถ่วงดุลน้ำหนักของสายทั้งสองข้างได้อย่างลงตัวจริงๆ

ระบบตัดเสียงรบกวน ANC มีประสิทธิภาพ ใช้งานได้จริง
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ FreeLace Pro คือระบบตัดเสียงรบกวนภายนอก 'Active Noise Cancellation' ที่อาศัย
ไมโครโฟนจำนวนข้างละ 2 ตัวรับเสียงภายนอกมาประมวลผลและสร้างคลื่นเสียงเพื่อหักล้างกัน ผลที่ได้คือสามารถลดเสียงรบกวนในสภาพแวดล้อมได้ถึง 40 เดซิเบล

เราทดลองฟังเพลงด้วย FreeLace Pro บริเวณริมถนนใหญ่ที่มีเสียงรถยนต์พลุกพล่าน (ระดับเสียงประมาณ 80 เดซิเบล) เมื่อเปิดระบบ ANC เสียงสภาพแวดล้อมจะถูกตัดออกไปจนแทบไม่ได้ยิน หรือระหว่างดูภาพยนตร์ Netflix ขณะที่แม้บ้านกำลังใช้เครื่องดูดฝุ่น เสียงรบกวนก็ถูกตัดออกจนแทบไม่รู้สึก ในขณะเดียวกันคุณภาพของเสียงเพลงก็ไม่ได้ถูกลดทอนลงเลย ในขณะที่การใช้สนทนาโทรศัพท์นั้นไมโครโฟน 3 ตัวจะทำให้ทั้งตัวเราและคู่สนทนาได้ยินเสียงกันและกันชัดเจนราวกับคุยกันอยู่ในห้องเงียบๆ เลยทีเดียว

สำหรับโหมด ANC เราสามารถเลือกเปิด-ปิดได้โดยการแตะที่หูฟังด้านซ้ายค้างไว้ประมาณ 2 วินาที โดยจะสลับโหมดไปเรื่อยๆ ระหว่าง ‘ANC On > Awareness > Off’ โดยโหมด ‘Awareness’ นั้นระบบจะทำการดึงเสียงจากสภาพแวดล้อมภายนอกเข้ามาในหูฟังมากขึ้นเพื่อให้การใช้งานระหว่างการเดินริมถนนหรือในที่สาธารณะมีความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่ได้ยินเสียงรอบข้าง

คุณภาพเสียงมาพร้อมเซอร์ไพรส์
โดยส่วนใหญ่แล้วคุณภาพเสียงของหูฟังแต่ละรุ่นจะแปรผันตามค่าตัว ยิ่งราคาสูง ก็ยิ่งคาดหวังเรื่องเสียงได้ ซึ่งถ้าใช้เกณฑ์นี้ตัดสินคุณภาพเสียงของ Huawei FreeLace Pro ก็ต้องบอกว่าน่าจะอยู่ระดับกลางๆ เหมาะสมค่าตัวช่วงสามพันบาท แต่หลังจากทดลองฟังแล้วบอกเลยว่าเซอร์ไพรส์กับซุ่มเสียงที่ดีเกินราคา ถ้าให้เทียบน่าจะใกล้เคียงหูฟังระดับเกินห้าพันบาทขึ้นไปได้อย่างไม่ขัดเขิน ยังไม่นับ ANC ที่มาช่วยยกระดับการฟังและสนทนาโทรศัพท์ให้ดีขึ้นอีกด้วย

ระยะเวลาที่ FreeLace Pro อยู่กับเราประมาณหนึ่งสัปดาห์ เราพยายามทดลองฟังเพลงหลากหลายแนวทั้งไทย-ลูกทุ่ง-สากล ทั้ง R&B, Pop, Rock, Oldie, Jazz ไปจนถึง Audiophile ดูภาพยนตร์ ดูคอนเสิร์ตใน Netflix (ไม่ได้เบิร์นอินเพราะไม่มีเวลา) บุคลิกเสียงของ FreeLace Pro ออกไปในแนวนุ่มนวลฟังสบาย กลมกล่อมเข้าได้กับทุกแนวเพลง การตอบสนองเสียงเบสทำได้ดี ทุ้มลงลึกสัมผัสได้ไม่บวมจนโอเวอร์ ย่านความถี่สูงมาครบ เวทีเสียงกว้างพอเหมาะพอเจาะ เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นให้เสียงแยกกันอิสระชัดเจน แทบไม่พบอาการกลบบังกันของเสียงแต่ละย่านให้เสียอารมณ์ สามารถตอบในฐานะผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้หูเทพจับผิดจุกจิก ว่าเอาอยู่ทุกแนวเพลง 

 

บทสรุปและความคิดเห็นของ TechMayday
FreeLace Pro ถูกพัฒนาต่อยอดจาก FreeLace รุ่นก่อนหน้าอย่างประทับใจทั้งในแง่ของคุณภาพเสียง การสวมใส่ และระบบตัดเสียงรบกวนในราคาที่ไม่ต้องเอื้อมสุดมือ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหูฟังไร้สายใส่สบายๆ ใช้ได้ในทุกโอกาสทั้งการฟังเพลงในชีวิตประจำวันและระหว่างออกกำลังกาย ทนทาน ป้องกันเหงื่อและคราบสกปรกได้ดีด้วยมาตรฐาน IP55 แม้สไตล์การสวมใส่แบบ Neckband จะทำให้ไม่หลุดง่าย แต่มันก็ทำให้การสวมใส่ร่วมกับ Mask ในช่วงโควิด 19 ระบาดมีความลำบากบ้างเล็กน้อย

ขอบคุณ: หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)