รีวิว: Huawei MatePad 11 สเปกดี จอไว 120 Hz ให้มากกว่าการเป็นแท็บเล็ต

Pros

• พลังประมวลผลสูง ใช้งานได้ลื่นไหล
• หน้าจอความละเอียดสูง คมชัด ทัชแม่น
• เสียงลำโพงน่าประทับใจ
• แบตเตอรี่ทำงานได้ยาวนาน
• มีอุปกรณ์เสริม Magnetic Keyboard / M-Pencil

Cons

• ยังขาดแอพพลิเคชั่นหลักๆ ใน Huawei AppGallery
• ติดตั้งแอพเพิ่มเติมผ่านไฟล์ APK มีความเสี่ยง
• ไม่รองรับการใส่ซิมการ์ด

แท็บเล็ตรุ่นล่าสุดในตระกูล MatePad จากหัวเว่ยที่ได้รับการปรับปรุงในเรื่องของฮาร์ดแวร์อย่างต่อเนื่อง โดยใน MatePad 11 นี้มีไฮไลท์คือจอภาพทัชสกรีนคุณภาพสูงที่มีอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz เพื่อยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งานขึ้นไปอีกขั้น

อย่างไรก็ดี ข้อสังเกตที่หลายคนกังวลก็คือแท็บเล็ตรุ่นนี้ไม่ได้ใช้ Android เป็นระบบปฏิบัติการหลักเหมือนในรุ่นที่ผ่านมา ทำให้มีข้อจำกัดในการใช้บริการต่างๆ Google (GMS) อยู่บ้าง ดังนั้นคำถามสำคัญคือ แท็บเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS และมี Huawei AppGallery เป็นทางเลือกสำหรับการติดตั้งแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะตอบโจทย์หรือทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปได้หรือไม่  

Specifications: 
Huawei MatePad 11

  • ชนิด / ขนาดหน้าจอ: IPS LCD / 10.95 นิ้ว อัตราส่วน 16:10
  • อัตรารีเฟรช: 120 Hz   
  • ความละเอียดหน้าจอ: WQXGA FullView 2560 x 1600 พิกเซล (275 ppi)
  • ชิปประมวลผล: Qualcomm Snapdragon 865 Octa-core (3.1 GHz)
  • GPU: Adreno 650 (587 MHz)
  • หน่วยความจำ RAM: 6GB
  • พื้นที่เก็บข้อมูล: 128 GB
  • การรองรับหน่วยความจำภายนอก: microSD สูงสุด 1 TB
  • กล้อง: 8MP (หน้า), 13MP (หลัง) F/1.8 พร้อม Auto Focus + LED 
  • การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 6 2x2 MIMO, Bluetooth 5.1, OTG
  • ระบบเสียง: ลำโพง Quad speakers (บน-ล่าง ซ้าย-ขวา) ปรับแต่งเสียงโดย Harman / Kardon
  • ไมโครโฟน: 4 ตัว (บันทึก/ตัดเสียงรบกวน)
  • เซ็นเซอร์: Ambient light sensor, Compass, Gravity sensor, Gyroscope, Hall sensor, Status indicator
  • แบตเตอรี่: 7250 mAh รองรับ Fast Charge 22.5W, Reverse Charging 5W
  • การชาร์จ: USB-C (USB 3.1)
  • ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 2.0 
  • ขนาดตัวเครื่อง: 253.8 x 165.3 x 7.25 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก: 465 กรัม
  • สี: เทา Matte Grey, ฟ้า Isle Blue

 

ดีไซน์พิมพ์นิยม มุมโค้งมนจับถือถนัดมือ
MatePad 11 เป็นแท็บเล็ตในกลุ่มพรีเมียมที่เน้นประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งสำหรับการทำงาน การนันทนาการพักผ่อน ด้านหน้าเป็นหน้าจอขนาด 10.95 นิ้วอัตราส่วน 16:10 ครอบทับด้วยกระจกกินพื้นที่ประมาณ 86% ของตัวเครื่อง (ไม่มีข้อมูลว่าเป็น Gorilla Glass หรือกระจกชนิดใด) ตำแหน่งของปุ่ม Power, Volume ไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากแท็บเล็ตแอนดรอยด์ทั่วไป เมื่อถือใช้งานแนวนอนจะพบว่ามีกล้องหน้าฝังอยู่บริเวณกลางขอบจอด้านบน ในขณะที่บริเวณสันด้านซ้าย-ขวาของตัวเครื่องจะพบกับลำโพงฝั่งละ 2 ตัว นอกจากนี้ยังมีถาดใส่ microSD สำหรับเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้ถ้าต้องการ บริเวณมุมทั้งสี่ด้านถูกลบมุมให้มีความโค้งมนเข้าอุ้งมือจับถือนานๆ ได้ไม่รู้สึกล้า

ฝาหลังของ Huawei MatePad 11 ใช้วัสดุพลาสติกชนิดพิเศษที่ให้ความรู้สึกคล้ายโลหะแต่ไม่มันวาว ไม่เก็บคราบรอยนิ้วมือ มุมบนซ้ายเป็นตำแหน่งของโมดูลกล้องหลักที่มีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล F/1.8 พร้อมไฟ LED และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ข้อติในจุดนี้คือความนูนของโมดูลกล้องที่ค่อนข้างมากจนทำให้การใช้งานแท็บเล็ตเมื่อวางราบไปกับโต๊ะมีอาการกระโดกกระเดกไปมา

จอภาพ 120 Hz ได้ทั้งบันเทิงและถนอมสายตา
อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่าไฮไลท์ของ HUAWEI MatePad 11 คือหน้าจอที่นอกจากจะมีความสะเอียดระดับ WQXGA แล้ว มันยังรองรับอัตราการรีเฟรชสูงถึง 120 Hz ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานโดยเฉพาะการเล่นเกมนั้นให้ความสมูทและไหลลื่นดีกว่าจอ OLED ที่อยู่ใน MatePad Pro อย่างแน่นอน แต่ถ้าใครไม่เล่นเกม จอ 120 Hz ก็ยังให้ความนุ่มนวลในการเลื่อนหน้าจอไปมาในขณะท่องเว็บ เล่นเฟซบุ๊ก ฯลฯ และยังลดการกระพริบของภาพที่เป็นสาเหตุของอาการตาล้าเมื่อจ้องหน้าจอเป็นเวลานานๆ อีกทั้งการที่หน้าจอรองรับการแสดงผลขอบเขตสี (Color gamut) ระดับ DCI-P3 100% ภาพที่ปรากฏจึงมีความสดใส สีสันอิ่มตัว ดูมีมิติ โดยเฉพาะการใช้งานด้านกราฟิก ตกแต่งภาพถ่าย หรือแม้แต่การรับชมภาพยนตร์ก็สวยงามสมจริงไม่แพ้สมาร์ททีวีคุณภาพสูงเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามเราสามารถตั้งค่าอัตรารีเฟรชเพิ่มเติมได้ในเมนู Settings โดยสามารถเลือกปรับได้ระหว่าง Dynamic (ปรับอัตรารีเฟรชให้เหมาะสมกับคอนเทนต์อัตโนมัติ), Standard (60 Hz) และ High (120 Hz) ซึ่งในการใช้งานนั้นแนะนำให้เลือกเป็น Dynamic เพื่อความสมดุลย์ระหว่างภาพเคลื่อนไหวที่ดูนุ่มนวลและการประหยัดพลังงาน

นอกจากเรื่องของอัตราการรีเฟรชแล้ว ยังมีโหมด Eye Comfort ช่วยถนอมสายตาโดยจะปรับโทนสีให้อ่อนลงหลังช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก และช่วยลดแสงสีฟ้า ในขณะที่โหมด eBook นั้นหน้าจอจะปรับเป็นขาว-ดำเสมือนหน้าจอแบบ E-Ink ที่ดูสบายตาและเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือ

ฮาร์ดแวร์และประสิทธิภาพการทำงาน
Huawei MatePad 11 ใช้ชิปประมวลผลแบบ SoC (System on a chip) Snapdragon 865 ที่รวมเอาชิปกราฟิก Adreno 650 และซีพียูแบบ Octa Core (1+3+4 แกน) ไว้ภายใน โดยมีแกนหลักคือ Kryo 585 (หรือ ARM Cortex-A77) ที่รันด้วยสัญญาณนาฬิกา 2.84 GHz ในขณะที่อีก 3 แกนจะอยู่บนพื้นฐานของ Kryo 585 Gold cores ที่มีความเร็ว 2.42 GHz ส่วนที่เหลืออีก 4 แกนจะเป็น Kryo 585 Silver cores ที่เน้นประหยัดพลังงานโดยจะทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 1.80 GHz ทั้งหมดนี้ส่งผลในระบบสามารถปรับความเร็วในการทำงานให้สอดคล้องเหมาะสมสำหรับแอพพลิเคชั่นต่างๆ และยังช่วยเรื่องของการประหยัดพลังงานได้ด้วย

ในส่วนของหน่วยความจำ RAM 6GB สามารถทำงานได้อย่างลื่นไหล รองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์และเล่นเกมที่มีกราฟิกสูงๆ พื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่องมีขนาด 128 GB แต่สามารถเพิ่มเติมได้ด้วย microSD Card สูงสุด 1 TB

Harmony OS 2.0 ต้องทำความเข้าใจถึงจะใช้งานได้คล่อง
การขาดหายไปของ GMS และการแทนที่ Android ด้วยระบบปฏับัติการ Harmony OS 2.0 อาจเป็นเรื่องน่ากังวล แต่สิ่งที่ Huawei พยายามทำและถือว่าทำได้ดีทีเดียวคือการปรับปรุง UI ที่มุ่งเน้นประสบการณ์ในการใช้งานที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยไม่แตกต่าง เช่น การปัดนิ้วเพื่ออ่าน Notification, เข้าถึงเมนู Quick Settings รวมไปถึงการลากวางไอคอน-โฟลเดอร์และวิดเจ็ตต่างๆ ที่แทบจะเหมือนเดิมทุกประการ

ส่วนเรื่องแอพพลิเคชั่นนั้น Huawei ได้จัดเตรียม AppGallery เอาไว้ให้โดยจะมีแอพยอดนิยมให้เลือกใช้พอสมควร และจะมีจำนวนแอพเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม บางแอพที่ไม่มีใน AppGallery ก็สามารถใช้ Petal Search ในการค้นหาเพิ่มเติมได้ โดยจะติดตั้งผ่านไฟล์ .apk หรือจะใช้ 3rd Party Store อย่าง APKPure เพื่อลงแอพที่ต้องการก็ได้ ซึ่งในจุดนี้ถือว่า Huawei พยายามเต็มที่เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มเติมแอพฯ ได้โดยไม่ต้องพึ่งพา GMS แบบที่เคยเป็นมา

ฟีเจอร์เสริม เชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊ก ยกระดับการทำงานให้คล่องตัวขึ้น
สำหรับใครที่มีโน้ตบุ๊กของ Huawei ใช้งานอยู่สามารถนำ MatePad 11 ไปเชื่อมการทำงานแบบไร้รอยต่อ ซึ่ง Huawei พยายามคงคอนเซ็ปต์นี้เอาไว้ในอุปกรณ์ใหม่ๆ ทุกรุ่นเพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายในการทำงานมากที่สุด

ตัวอย่างเช่น ฟีเจอร์ Huawei Multi-Screen Collaboration with laptop ที่จะเปลี่ยนหน้าจอของ MatePad 11 ให้เป็นหน้าจอเสริมสำหรับโน้ตบุ๊กแบบไร้สาย โดยสามารถเลือกโหมดการทำงานได้ 3 โหมดคือ

  • Mirror Mode โหมดนี้จะทำการสะท้อนภาพบนจอโน้ตบุ๊กไปยังจอของ MatePad 11 โดยข้อมูลทุกอย่างจะแสดงผลเหมือนกัน ข้อดีคือผู้ใช้งานสามารถควบคุมสั่งงานโน้ตบุ๊กผ่านการแตะสัมผัสหน้าจอของแท็บเล็ตได้โดยตรง
  • Extend Mode เมื่อเลือกเชื่อมต่อด้วยโหมดนี้ MatePad 11 จะทำหน้าที่เป็นจอเสริมที่ 2 สำหรับโน้ตบุ๊ก ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการทำงานโดยไม่จำเป็นต้องซื้อจอมอนิเตอร์เพิ่มหรือเสียบสายสัญญาณให้ยุ่งยากเสียเวลา


     
  • Collaborate Mode ในโหมดนี้สามารถใช้เมาส์คอมพิวเตอร์เพื่อลากและวางข้อความ รูปภาพ และไฟล์ที่เลือกไว้ ไปมาระหว่าง MatePad 11 และโน้ตบุ๊กผ่านฟังก์ชัน Huawei Share ที่สะดวกสบายไม่ต้องใช้ก๊อบปี้ข้อมูลใส่แฟลชไดรฟ์ USB ไปมา สะดวกสบายมากๆ

 

ลำโพง Quad Speaker เสียงดีเกินตัว
อีกจุดที่น่าประทับใจนอกจากความสวยของจอก็คือเรื่องของระบบเสียง ที่ต้องถือว่า MatePad 11 ตอบโจทย์ความบันเทิงทั้งการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลงได้ดีมาก ลำโพง 4 ตัวที่ติดตั้งมาได้รับการปรับแต่งเสียงตามมาตรฐานของ Harman/Kardon เสริมด้วยเทคโนโลยีเสียง Histen 7.0 เสียงที่เปล่งออกมามีมิติเกินตัว เสียงเบสเสียงทุ้มมีสุ้มเสียงให้ได้ยินพอประมาณ เสียงกลาง-แหลม มีความคมชัด จะมีออกอาการพร่าเพี้ยนไปบ้างก็เมื่อเปิดระดับเสียงสูงสุดซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ถ้าใช้งานดูภาพยนตร์ Netflix ฟังเพลง Spotify เรียกได้ว่าเสียงดีจนไม่ต้องลำบากหาลำโพงบลูทูธมาต่อเพิ่ม หรือถ้าจะเพิ่มก็ต้องขยับเป็นลำโพงราคาเกินหลักพันบาทขึ้นไปถึงจะดีกว่าอย่างแตกต่าง

แบตเตอรี่และการชาร์จ
แบตเตอรี่ที่ติดตั้งใน Huawei MatePad 11 มีความจุ 7,250 mAh ซึ่งถือว่าค่อนข้างใหญ่พอสมควร สามารถใช้ท่องเว็บทำงานได้ต่อเนื่องประมาณ 11:30 ชั่วโมง ในขณะที่การรับชมวิดีโอจะทำได้เฉลี่ย 12:30 ชั่วโมง ในส่วนของระบบการชาร์จนั้นอะแดปเตอร์ 22.5W ที่ให้มาในชุด สามารถชาร์จด่วน 30 นาทีได้ความจุ 20% และจาก 0 ถึง 100% ในระยะเวลาประมาณ 1:50 ชั่วโมงซึ่งถือได้ว่ารวดเร็วทันใจสำหรับแบตเตอรี่ความจุขนาดนี้

อุปกรณ์เสริม เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
ปัญหาของแท็บเล็ตที่ไม่ได้เป็นกระแสหลักคือเรื่องของอุปกรณ์เสริมเพื่อการขยายขอบเขตการใช้งานเพิ่มเติม แต่ไม่ใช่สำหรับ Huawei MatePad 11 เพราะในชุดจำหน่ายนั้นจะมีให้เลือกทั้ง Smart Magnetic Keyboard ที่ทำหน้าที่เป็นเคสปกป้องริ้วรอยไปในตัว รวมไปถึงปากกา M-Pencil สำหรับการขีดเขียนวาดรูปได้อย่างสะดวกสบาย

ทั้งนี้ Smart Magnetic Keyboard จะดีไซน์มาให้ติดเข้ากับแท็บเล็ตด้วยระบบแม่เหล็กที่ค่อนข้างแน่นหนาไม่หลุดง่าย จับคู่การทำงานผ่านบลูทูธและสามารถปรับเอียงได้สอง 2 ระดับ คือ 55 องศา กับ 65 องศา ปุ่มแป้นพิมพ์มีขนาด Full Size เท่ากับโน้ตบุ๊กขนาดเล็กทั่วไป ระยะการกด (Key Travel) ประมาณ 1.3 มิลลิเมตรให้สัมผัสการพิมพ์ที่ดี มีปุ่ม Fn รองรับคำสั่งลัด หรือจะเชื่อมต่อเมาส์มาใช้ร่วมด้วยก็ได้ซึ่งจะให้อารมณ์เหมือนกำลังใช้งานโน้ตบุ๊กเล็กๆ เครื่องนึงเลยทีเดียว

ในส่วนของปากกา Huawei M-Pencil สำหรับ MatePad 11 จะเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่มีการรีดีไซน์ให้มีเหลี่ยมมนคล้ายดินสอจริงและจับถนัดมือมากขึ้น มีการเพิ่มเซ็นเซอร์เพื่อช่วยให้การเขียนมีความแม่นยำและมีความหน่วงน้อยลงเพียง 2ms รองรับแรงกดได้ที่ 4,096 ระดับ รวมไปถึงการรองรับฟีเจอร์ Free Script ที่จะเปลี่ยนลายมือให้เป็นตัวพิมพ์เพิ่มความสะดวกในการทำงานมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ฟีเจอร์ Free Script นั้นจะรองรับทั้งการค้นหาผ่านบราวเซอร์ การจดบันทึกในแอพ HUAWEI Notepad, WeNote, Noteshelf รวมทั้งการสนทนาผ่าน Line หรือ Facebook Messenger และข่าวดีคือสามารถรองรับภาษาไทยได้ด้วยโดยการตั้งค่าภาษาในตัวเครื่องเป็นภาษาไทย

สิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือสามารถใช้ปากการ่วมกับแอพ My Script Calculator 2 เพื่อหาคำตอบสำหรับโจทย์คณิตศาสตร์โดยอัตโนมัติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำงานเรื่องการคำนวน หรือการสอน-ตรวจการบ้านเด็กๆ ในช่วง Work From Home

ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในปากกาเจนที่สอง นั่นคือการรองรับการ Double-Tap เพื่อเปลี่ยนฟังก์ชั่น เช่น ใช้นิ้วชี้เคาะตรงหัวปากกาที่จับสองครั้งเพื่อสลับระหว่างเครื่องมือปัจจุบันและยางลบ หรือสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ปัจจุบันและอุปกรณ์ก่อนหน้านี้ หรือเพื่อเรียกเปิดชุดสีได้ง่ายๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกให้การจดบันทึกและการวาดภาพ

ตัวปากการองรับการชาร์จแบบไร้สายโดยการติดไว้ที่ขอบตัวเครื่องด้วยระบบแม่เหล็ก น่าเสียดายที่ตัวเครื่องหรือตัวเคสนั้นไม่มีจุดเสียบปากกาเก็บให้เป็นที่เป็นทาง ในจุดนี้ถือเป็นอุปสรรคในการพกพาและอาจหล่นหายได้ง่าย

 

สรุปและความคิดเห็นของ TechMayday
Huawei MatePad 11 จัดเป็นแท็บเล็ตที่มีฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูงในทุกๆ ด้านช่วยให้ทำงานได้อย่างลื่นไหลบวกด้วยอุปกรณ์เสริมการทำงานทั้งคีย์บอร์ดและปากกา สามารถใช้ทดแทนโน้ตบุ๊กขนาดเล็กได้ การนำมาใช้ประชุม Work from Home หรือเรียนออนไลน์ทำได้โดดเด่นด้วยไมโครโฟนที่จับเสียงได้อย่างแม่นยำแถมมี AI ลดเสียงรบกวนรอบด้าน แต่จุดที่ต้องพิจารณาคือการขาดหายไปของ GMS ทำให้คนที่ใช้งานแอนดรอยด์มาก่อนอาจรู้สึกติดขัดไปบ้าง แต่ถ้าต้องการจริงๆ ก็สามารถใช้งานได้ผ่านเว็บแอพฯ หรือติดตั้งแอพฯ ผ่าน App Gallery หรือถ้ามีประสบการณ์มาบ้างการหาไฟล์ติดตั้ง .apk มาติดตั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร 

ขอบคุณ: หัวเว่ย คอนซูมเมอร์ บิสสิเนส กรุ๊ป (ประเทศไทย)

ราคาและการจัดจำหน่าย

  • Huawei MatePad 11 รุ่น RAM 6GB + 128GB สี Isle Blue ราคา 15,990 บาท รับสิทธิพิเศษจากแอปฯ ต่าง ๆ ได้แก่ HUAWEI Cloud 1 เดือน (50GB), HUAWEI Video VIP 1 เดือน, WPS Office VIP 3 เดือน และ FilmoraGo HD VIP 3
  • Huawei MatePad 11 รุ่น RAM 6GB + 128GB สี Matte Grey ราคา 19,990 บาท มี HUAWEI M-Pencil 2nd Generation บรรจุมาภายในกล่อง

ช่องทางการสั่งซื้อออนไลน์