แอปเปิ้ลเปิดตัว iPad Air, Apple Watch Series 6 , Watch SE และ iPad Gen 8

ในงาน Time Flies เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งแอปเปิ้ลใช้โอกาสนี้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เริ่มต้นที่ iPad Air รุ่นที่ 4 , iPad 8 ตามมาด้วยนาฬิกา Apple Watch Series 6 และ Apple Watch SE โดยที่ไม่มีการเปิดตัวโทรศัพท์ iPhone 12 อย่างที่หลายๆ คนหวังเอาไว้

iPad Air Gen 4

อย่างที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ iPad Air รุ่นที่ 4 จะใช้ดีไซน์ตัวเครื่องภายนอกไปในทิศทางเดียวกับ iPad Pro และนี่คือฟีเจอร์หลักๆ ของมัน

  • 10.9-inch Liquid Retina display
  • Touch ID in top button
  • A14 Bionic SoC
  • Front 7MP camera with Smart HDR
  • Rear 12MP camera with 4K60 video
  • 10 Hour battery life
  • USB-C
  • Wi-Fi 6
  • 60% faster LTE

ขนาดหน้าจอของ iPad Air นั้นมีการปรับเพิ่มขนาดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ 9.7 นิ้ว มาถึง 10.5 นิ้วในรุ่นที่ 3 และตอนนี้ปรับเป็น 10.9 นิ้ว พร้อมความละเอียด 2,360x1,650 พิกเซล ให้ขอบเขตในแบบ P3 Wide Color และรองรับการแสดงสีแบบ TrueTone

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับ iPad Air ก็คือ การใช้ชิป A14 Bionic ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าชิป A12Z Bionic ที่อยู่ใน iPad Pro เสียอีก

iPad

 

เรียกได้ว่าเป็นแท็บเล็ตราคาประหยัดที่สุดของ Apple แล้ว และมันก็ได้รับการอัพเกรดด้วยชิป A12 Bionic โดยที่ยังคงมีขนาดหน้าจอเท่ากับรุ่นที่แล้วและยังมีองค์ประกอบหลายๆ ส่วนที่คงเดิมอีกด้วย

  • 10.2-inch Retina non-laminated
  • 2160 x 1620 pixels, at 500 nits
  • A12 Bionic SoC
  • Rear 8MP camera
  • 10 Hour battery life
  • USB-C
  • Wi-Fi 5
  • 3 Colors, Silver, Space Gray, Gold
  • เริ่มต้น 10,900 บาท

 

Apple Watch Series 6

สมาร์ทวอชตัวนี้ใช้ชิป S6 ซึ่งเป็นชิป SiP หรือ system-in-package ขับเคลื่อนด้วยซีพียู A13 Bionic แบบ 2 แกนที่ใช้งานใน iPhone 11 ทางแอปเปิ้ลอ้างว่า มันทำงานได้เร็วกว่า Apple Watch Series 5 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นก็มีฟีเจอร์หลักๆ ดังนี้

  • วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด
  • เพิ่มสีตัวเรือนใหม่ แดงและน้ำเงิน
  • ติดตั้งเซนเซอร์ altimeter
  • มีชิป U1 และรองรับ Ultra Wideband
  • หน้าจอสว่างกว่าเดิม 2.5 เท่า
  • รองรับการชาร์จเร็ว ชาร์จเต็ม 1.5 ชั่วโมง
  • หน้าปัดนาฬิกามีรูปแบบให้เลือกใช้มากขึ้น

สมาร์ทวอชซีรีส์ 6 นี้มีการบรรจุเซนเซอร์ตรวจวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด ซึ่งอาศัยไฟสีแดงและหลอดไฟอินฟราเรด พร้อมกับเซนเซอร์เพื่อทำการวัดแสงที่สะท้อนกลับจากเลือดของผู้ใช้ เพื่อให้ระบบสามารถวัดปริมาณออกซิเจนได้ ไม่ใช่แค่ใช้วัดในช่วงเวลาที่ต้องการ ยังสามารถทำงานเบื้องหลังเพื่อตรวจสอบในระหว่างการนอนหลับได้อีกด้วย

ส่วนเรื่อง Altimeter หรือเซนเซอร์วัดระดับความสูงจะเหมาะกับผู้ใช้ที่ชอบเดินป่าหรือออกกำลังกายในพื้นที่สูงๆ เซนเซอร์นี้จะเปิดทำงานตลอดเวลาเพื่อช่วยรายงานข้อมูลระดับความสูงแบบเรียลไทม์ โดยใช้มิเตอร์วัดระดับผสานกับข้อมูลจาก GPS และเครือข่าย Wi-Fi ที่อยู่ใกล้เคียง

Apple Watch SE

อีกหนึ่งไลน์ผลิตภัณฑ์ที่แอปเปิ้ลปล่อยออกมาในรอบปีนี้ มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ใกล้เคียงกับ Watch Series 6 แต่สามารถจับต้องได้ในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น ขณะที่ภายใน Apple Watch SE จะใช้ชิปประมวลผล S5 ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือ กว่าชิปประมวลผลในนาฬิกา Series 3 ถึง 2 เท่า นอกจากนั้นยังมีหน้าจอขนาดใหญ่ในระดับเดียวกับรุ่น Series 4

หลักๆ จะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น Wi-Fi และ Cellular พร้อมกับเซนเซอร์จับการเคลื่อนไหวล่าสุด เซนเซอร์จับการตก และเชื่อมต่อด้วยบลูทูธเวอร์ชัน 5 เทียบกับรุ่น Series 6 นาฬิกา Apple Watch SE จะมีขนาดเท่านั้นและใช้จอแสดงผล  Retina เหมือนกัน แต่ไม่สามารถเปิดแสดงผลได้ตลอดเวลา แต่มีการแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจที่สูงหรือต่ำได้เช่นกัน รวมถึงกั้นน้ำลึก 50 เมตร นอกจากนั้นแล้วยังมีการออกแบบสายนาฬิกาแบบ Solo Loop แบบสวมใส่ทันที

ส่วนใครอยากทราบราคาจริงๆ ของประเทศไทย แนะนำให้ตรงเข้าไปที่เว็บไซต์ของแอปเปิ้ล https://www.apple.com/th/ ได้เลย มีราคาให้แทบทุกอย่าง