ส่องของใหม่แอปเปิ้ล ก่อนงาน ‘Time Flies' วันที่ 15 กันยายนนี้
กิจกรรมพิเศษประจำปีของแอปเปิ้ลกำลังใกล้เข้ามาแล้วในอีกไม่กี่วัน แน่นอนว่า เหล่าแฟนๆ มากมายต่างก็คาดหวังว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ควบคู่ไปกับการเปิดตัว Apple Watch Series 6 ที่ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน ซึ่งแอปเปิ้ลเองก็ยืนยันว่าใช้วันที่ 15 กันยายนที่กำลังจะถึงนี้ และที่คือ สิ่งที่ผู้คนทั่วโลกคาดหวังว่าจะได้เห็นในวันดังกล่าว
Apple Watch Series 6
ความน่าจะเป็น: สูงมาก
คาดหมายกันว่าสมาร์ทวอชเวอร์ชันนี้ไม่น่าจะมีลูกเล่นอะไรมากนัก เนื่องจากต่อยอดการพัฒนามาจาก Apple Watch Series 5 นอกจากนั้นมีข่าวออกมาว่า ตัวสมาร์ทวอชจะมีการใช้พลาสติกผสมผสานกับโลหะและเซรามิกในส่วนของวัสดุตัวเรือน มองในทางทฤษฎี พวกเขาอาจจะผลิตสมาร์ทวอชรุ่นใหม่นี้เพื่อเจาะกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการมองหาสมาร์ทวอชในราคาที่ไม่แพง หรือผลิตมาเพื่อสร้างตลาดที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ผ่านตัวเรือนพลาสติก ซึ่งอาจจะเป็นนาฬิกาสำหรับเด็ก หลังจากมีการแทรก “Kids Mode”ลงใน WatchOS 7
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่า แอปเปิ้ลจะเปลี่ยนชนิดของหน้าจอจาก OLED ไปเป็น MicroLED เพื่อให้มันประหยัดพลังงงานมากขึ้น ใช้แบตเตอรี่ใหม่เพื่อเพิ่มความสามารถด้านหลังงานและให้ยกระดับฟีเจอร์ติดตามการนอนหลับได้ดีด้วย รวมถึงการใช้ Liquid Crystal Polymer ที่อาจช่วยให้ยกระดับประสิทธิภาพการรับส่งสัญญาณไร้สายในส่วนของเสาอากาศ
ถึงอย่างนั้นข่าวลือเหล่านี้อาจจะไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่สำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่หากว่า มันมีการใช้ตัวเรือนพลาสติกก็มั่นใจได้เลยว่า ราคาของ Apple Watch Series 6 ไม่น่าจะสูงกว่า 399 เหรียญสหรัฐแน่นอน
Apple iPhone 12
ความน่าจะเป็น: 50%
ข่าวออกมาว่าโทรศัพท์ iPhone 12 จะเปิดตัวทั้งหมด 4 รุ่น โดยมี 2 รุ่นที่ไม่ได้ห้อยท้ายด้วยคำว่า ‘Pro’ ซึ่งจะใช้หน้าจอ OLED ขนาด 5.4 และ 6.1 นิ้ว ส่วนที่เหลือก็คือ "iPhone 12 Pro" และ "iPhone 12 Pro Max" มีใช้หน้าจอขนาด 6.1 และ 6.7 นิ้วตามลำดับ โดยรุ่น Pro มีข่าวลือว่าจะได้สนับสนุนการแสดงผล 120 Hz ProMotion และ 10-bit Color ส่งผลให้การแสดงผลเปี่ยมไปด้วยความลื่นไหลสำหรับเกมและมีไดนามิกในการแสดงสีที่กว้างกว่าเดิมมาก
ข้อแตกต่างอีกจุดก็คือ กล้อง เวอร์ชันมาตรฐานจะให้กล้องมุมกว้างความละเอียด 12 ล้านพิกเซลและกล้องมุมกว้างพิเศษ ในขณะที่รุ่น Pro จะเพิ่มกล้อง 12 ล้านพิกเซลที่ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ นอกจากนั้นรุ่น Pro ยังคาดว่าจะมีเซนเซอร์ LiDAR sensor เหมือนกับที่ใช้กับ iPad Pro ซึ่งจะช่วยในการเช็คระยะความลึกให้กับแอพประเภท AR และการถ่ายภาพ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ iPhone 12 ต้องเปิดตัวก็คือ การสนับสนุนเครือข่าย 5G ในเรื่องนี้ถือว่า แน่นอนเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังมีข้อสงสัยว่า ทุกรุ่นจะรองรับย่านความถี่ย่อย 6GHz รวมถึง mmWave หรือไม่ หรือจะมีเฉพาะบางรุ่นที่รองรับเท่านั้น
และทั้งหมดนี้ก็จะขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล A14 ซึ่งภายในชิป SoC นี้มีจำนวนทรานซิสเตอร์มากกว่าชิป A13 ถึงเท่าตัว เชื่อกันว่ารุ่นที่ไม่ใช่ Pro จะมีหน่วยความจำถึง 4GB ส่วนรุ่น Pro จะให้มามากกว่าที่ 6GB ส่วนขนาดของสตอเรจเก็บข้อมูลจะมีให้เลือกแค่ 128GB และ 256GB เฉพาะรุ่น Pro จะเพิ่มความจุให้เลือกอีกหนึ่งคือ 512GB
ส่วนเรื่องของราคา เดาๆ กันว่า "iPhone 12" จะเริ่มต้น 649 เหรียญสหรัฐ ส่วน "iPhone 12" จะเพิ่มเป็น 749 เหรียญสหรัฐ ส่วนรุ่น Pro และ Pro Max เริ่มต้นที่ราคา 1099 และ 1399 เหรียญสหรัฐตามลำดับ
iPad หรือ iPad Air
ความน่าจะเป็น: ค่อนข้างสูง
ในงานอีเวนท์นี้มีการพูดกันหนาหูว่า แอปเปิ้ลจะนำเอา iPad รุ่นที่ 8 มาเปิดตัวด้วยในขนาดหน้าจอ 10.8 นิ้ว หรืออาจจะมาในชื่อ "iPad Air 4"
ตามข่าวลือที่ออกมา การเปลี่ยนแปลงหลักๆ ของ iPad นี้ เป็นความพยายามของแอปเปิ้ลในการทำให้เอกลักษณ์ของ iPad มีความสอดคล้องกับรุ่น iPad Pro ด้วยการใช้กรอบบางๆ ทรงเหลี่ยมทั้งหมด ใช้เทคโนโลยีจอแสดงผลเหมือนกันนั่นก็คือ Liquid Retina technology
และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญก็คือ การตัดปุ่ม Home ออกไป นอกจากนั้นมีความเป็นไปได้ที่แอปเปิ้ลจะใส่ระบบกล้อง TrueDepth เหมือนกับรุ่น iPad Pro เพื่อให้ใช้งาน Face ID ได้ ถึงอย่างนั้นกีมีข่าวลือว่า พวกเขาจะใส่ Touch ID ลงใต้ปุ่มเปิดปิดแทน ตลอดจนการเปลี่ยนจากพอร์ต Lightning ไปเป็น USB-C เพื่อให้ iPad ตัวใหม่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้เหมือนกับความเข้ากันได้ของฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานได้ร่วมกับ iPad Pro นอกจากนั้นยังมีเรื่องการสนับสนุนการชาร์จไร้สายอีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงในด้านดีไซน์ตามสไตล์ของ iPad Pro อาจส่งผลต่อราคา ซึ่งมีข่าวลือว่า มันอาจมีราคาเริ่มต้นถึง 649 เหรียญสหรัฐ แต่นักวิเคราะห์การตลาดก็ยังเสนอว่า มันอาจมีราคาถูกลงพอสมควร เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ต้นทุนต่ำ
AirTags
ความน่าจะเป็น: ค่อนข้างสูง
อุปกรณ์ติดตามขนาดเล็กของแอปเปิ้ลนามว่า “AirTags” ถือว่าเป็นคู่แข่งของ Tile เลยก็ว่าได้ ออกแบบให้ติดเข้ากับสิ่งของเครื่องใช้สำคัญๆ อย่างเช่น พวกพวงกุญแจหรือกระเป๋า เจ้า AirTags นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ตามหาสิ่งของที่หายไปโดยใช้ร่วมกับแอพ Find My
ถึงอย่างนั้น Air Tags จะไม่เหมือนกับเครื่องมือติดตามอื่นๆ เนื่องจากมันใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีบลูทูธและอัลตร้าไวด์แบนด์ช่วยในการระบุตำแหน่ง หากสูญหายในสถานที่สาธารณะ โทรศัพท์ iPhone ของผู้ใช้รายอื่นๆ จะส่งรับเอาข้อมูล Ping ที่ถูกเข้ารหัสเอาไว้จากอุปกรณ์เสริมนี้ จากนั้นจะส่งข้อมูลรายงานกลับไปที่เจ้าของผ่าน iCloud
ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว สิ่งของต่างๆ ที่ใช้เจ้า AirTag ติดอยู่จะสามารถค้นพบได้ทุกรายการ ได้ทุกตำแหน่งบนโลก แม้ว่าจะไม่มีสัญญาณ GPS ก็ตาม จากข้อมูลที่หลุดออกมา เราจะเห็นว่า มันถูกออกแบบให้มีรูปทรงวงกลมคล้ายเหรียญ แต่ไม่มีใครทราบขนาดหรือรายละเอียดการออกแบบอื่นๆ แต่จากจุดประสงค์ของการนำไปใช้ มีความเป็นไปได้ว่ามันน่าจะมีขนาดเล็กหรือหากใหญ่ก็จะมีขนาดพอๆ กับพวงกุญแจ
ส่วนเรื่องของราคาขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชี้ชัดอะไร แต่หากเทียบกับคู่แข่งอย่างเช่น Tile Tracker ที่วางราคาในช่วง 25-35 เหรียญสหรัฐแล้ว อุปกรณ์ติดตามขนาดเล็กของแอปเปิ้ลน่าจะมีราคาที่สูงกว่าเล็กน้อย