สมาร์ทโฟนเรือธง ใครเจ๋งสุด : Huawei P40 Pro VS Samsung Galaxy S20 Ultra Vs Mi 10 Pro

แม้ว่า Huawei จะตกอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังจากเผชิญหน้าต่อการกีดกันทางการค้าโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปในตลาดสมาร์ทโฟนโดยไม่มีบริการ Google Play Service ถึงอย่างนั้น สมาร์ทโฟนอย่าง Huawei P40 Pro ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในโทรศัพท์ที่มีเทคโนโลยีกล้องถ่ายภาพดีที่สุดของโลก ถึงจะเป็นรอง P40 Pro Plus ก็ตาม ที่เราเน้น Huawei P40 Pro เนื่องจากไม่แน่ใจว่ารุ่น Plus จะวางจำหน่ายหรือไม่ เท่าที่ทราบข่าวคือ Huawei P40 และ P40 Pro รองรับ 5G ทั้งคู่และผ่านการรับรองโดย กสทช.แล้ว

ชิปเซ็ต
สมาร์ทโฟนระดับเรือธงส่วนใหญ่จะใช้ชิปเซ็ตเหมือนกัน จะมีบ้างที่ใช้ชิปคนละตัวอย่าง Samsung ที่ใช้ชิป Exynos 990 ในประเทศไทยและสหราชอาณาจักร ส่วนรุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon จะวางขายในสหรัฐอเมริกา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วชิป Exynos 990 เมื่อเทียบกับชิป Snapdragon 865 ก็มีประสิทธิภาพด้อยกว่าเล็กน้อยในบางจุด สำหรับทาง Huawei ใช้ชิปเซ็ตของตัวเองอย่าง Kirin 990 5G ซึ่งประสิทธิภาพในบางด้านยังคงเป็นรองชิป Snapdragon 865  เช่นกัน เนื่องจากใช้ซีพียูประมวลผล Cortex-A76 ผสมกับ Cortex-A55 อย่างละ 4 แกน ในประเทศไทยโทรศัพท์ P40 Pro รองรับ 5G แถมมันยังรองรับ Wi-Fi 6 พร้อม VHT160 ทำให้ไดรฟ์ความเร็วการเชื่อมต่อไปได้ถึง 2.4Gbps




 

โทรศัพท์ Huawei P40  ติดตั้งแรมและสตอเรจมาเพียงแค่สเปคเดียวคือ 8GB / 128GB ขณะที่ Huawei P40 Pro ขยับขึ้นมา 8GB/ 256GB ขณะที่โทรศัพท์ Samsung Galaxy S20 Ultra จะให้หน่วยความจำ 12GB / 128GB ส่วน Xiaomi Mi 10 Pro จะมีให้เลือกตั้งแต่ 8GB-12GB ในส่วนของแรม และสตอเรจสูงสุด 512GB แถมไม่มีสล็อต MicroSD ด้วย

การอัพเกรดพื้นที่สตอเรจของ Huawei ไม่ได้ใช้การ์ด MicroSD เหมือนกับคู่แข่ง แต่จะใช้การ์ด nano memory แทน ซึ่งราคาของมันจะแพงกว่าการ์ด MicroSD และไม่ได้มีตัวเลือกราคาประหยัดอีกด้วย

จอแสดงผลและการออกแบบ
โทรศัพท์ P40 Series จะมีอยู่ 3 รุ่น 2 ขนาดหน้าจอ รุ่นเล็กสุดอย่าง Huawei P40 มีขนาดมาตรฐานสำหรับยุคนี้คือ 6.1 นิ้ว ใช้พาแนล OLED ความละเอียด 1080x2340 พิกเซล ส่วนรุ่น Pro จะใหญ่ขึ้นเป็น 6.58 นิ้ว ใช้พาแนลเดียวกัน แต่มีความละเอียด 1200x2640 พิกเซล ค่ารีเฟรชเรต 90 Hz  และมีค่าความหนาแน่นของพิกเซลอยู่ที่ประมาณ 441 ppi หน้าจอเป็นแบบ Dual Punch Hole บริเวณมุมซ้ายบน ซึ่งเป็นตำแหน่งของกล้องเซลฟี่ 32 MP พร้อม Depth sensor และ 3D Sensor สำหรับทำงานกับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า ตรงนี้จะไม่มีในรุ่น P40 ที่มีแค่เซนเซอร์ลายนิ้วมือเท่านั้น

Huawei P40 Pro ใช้หน้าจอ Edge Display ซึ่งโค้งไปจนถึงขอบเหมือนกับโทรศัพท์ Oppo Reno Find X2 และ the Xiaomi Mi 10 Pro ขณะที่รุ่นน้องสุดจะแบนราบและมีขอบหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ส่วนโทรศัพท์ของ Samsung S20 Series มีความละเอียดเท่ากันทั้ง 3 รุ่น แตกต่างกันที่ขนาด โดยรุ่นใหญ่สุดกว้างถึง 6.9 นิ้ว พร้อมค่ารีเฟรชเรต 120 Hz และยังปรับความละเอียดลงมาเหลือ Full HD ได้ด้วยถ้าผูัใช้ไม่ต้องการความละเอียดสูงสุดระดับ QHD ส่วน Xiaomi Mi 10 Pro มีขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1080x2340 พิกเซล 90 Hz และมีค่า touch sampling ที่ 180 Hz

กล้องด้านหลัง
กล้องหลังของโทรศัพท์ Huawei P40 Pro ใช้ 2 โมดูลเซนเซอร์ทำงานร่วมกัน โดยอย่างแรกคือ กล้อง “Ultra Vision Wide” ความละเอียด 50 MP จากเซนเซอร์ระบบ RYYB ขนาด 1/1.28"  พร้อมค่ารูรับแสง f/1.9 และระบบ OIS (f/ 2.5)  ซึ่งใช้เป็นกล้องหลัก อย่างที่ 2 คือ เซนเซอร์ 8 channel colour temperature เพื่อตรวจจับสีและปรับความถูกต้องของสีให้กับภาพได้แม่นยำขึ้น

นอกจากนั้นยังติดตั้งกล้องตัวที่ 2 “Ultra Vision Cine"  ความละเอียด 40 MP  เป็นเลนส์มุมกว้าง 18 มม.ต่อมาเป็นกล้อง 12MP RYYB periscope zoom หรือเทเลโฟโฟต้แบบออปติอล 5x (f/ 3.4) ขณะที่ระบบ AI ก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างเช่น ลบคนออกจากรูป ลบเงาสะท้อนบนกระจก หรือเลือกภาพ Best shot  และบูสต์ค่า ISO ไปได้สูงสุด 51200
ส่วนคุณสมบัติในการซูมแบบ Hybrid ทำได้สูงสุด 50x ผ่านกล้องเทเลโฟโต้ 12 MP มีโหมดถ่ายภาพมาโครเฉพาะและเช็คระยะความลึกด้วย ToF Camera


กลับมาที่คู่แข่งกันบ้าง โทรศัพท์ S20 Ultra จะให้

  • 108 MP, f/1.8, 26mm (wide), 1/1.33″, 0.8µm, PDAF, OIS
  • Periscope 48 MP, f/3.5, 103mm (telephoto), 1/2.0″, 0.8µm, PDAF, OIS, 10x hybrid optical zoom
  • 12 MP, f/2.2, 13mm (ultrawide), 1.4µm, Super Steady video
  • 0.3 MP, TOF 3D, f/1.0, (depth)

ส่วนระบบกล้องของ Xiaomi mi 10 Pro จะมาพร้อม

  • 108 MP, f/1.7, (wide), 1/1.33″, 0.8µm, PDAF, Laser AF, OIS
  • 8 MP, f/2.0, (telephoto), 1.0µm, PDAF, Laser AF, OIS, 10x hybrid optical zoom
  • 12 MP, f/2.0, (portrait), 1/2.55″, 1.4µm, dual pixel PDAF, 2x optical zoom
  • 20 MP, f/2.2, 13mm (ultrawide)
  • 8K Video @30fps

แบตเตอรี่
ในรุ่นเล็กสุดอย่าง P40 แบตเตอรี่มีความจุ 3800 mAh และรองรับการชาร์จเร็ว 22.5 วัตต์ ขณะที่รุ่น Pro แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นอีกนิด 4200 mAh และรองรับ SuperCharge 40 วัตต์ ส่วนการชาร์จไร้สายทำได้ที่ 27 วัตต์  เทียบกับโทรศัพท์ S20 Ultra จะให้แบตเตอรี่มาถึง 5000 mAh ชาร์จเร็ว 45 วัตต์ ขณะที่ Xiaomi ใช้แบตเตอรี่ 4500 mAh ชาร์จได้เร็ว 50 วัตต์ ในเรื่องการชาร์จไร้สายก็ลำดับตามนี้ 15 วัตต์ และ 30 วัตต์

ระบบปฏิบัติการและแอพฯ ของ Google
แม้ว่าโทรศัพท์ของหัวเว่ยจะขาด Google Play Service แต่โทรศัพท์ P40 Series ก็ยังคงใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์และแทนที่สิ่งที่ขาดหายไปด้วย Huawei Mobile Services ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอพฯ ได้อีกมากมายแทนที่ Huawei App Gallery ถึงอย่างนั้นก็สามารถมองหาวิธีดาวน์โหลดแอพฯ ของ Google มาติดตั้งได้ แต่ก็มีแอพฯ หลายตัวที่ยังทำงานได้ไม่ดีและอาจไม่สามารถใช้งานได้จากนโยบายด้านความปลอดภัย แน่นอนว่า Huawei Mobile Services จึงยังคงอยู่ในระหว่างเริ่มต้นและจะทำได้ดีขึ้นในอนาคต สำหรับเราแล้ว เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะการซื้อโทรศัพท์ระดับพรีเมียม ควรต้องทำงานได้เกือบสมบูรณ์เท่ากับค่าตัวที่เสียไป และเกิดปัญหาในการใช้งานน้อยที่สุด

คุณสมบัติอื่นๆ
โทรศัพท์เหล่านี้ไม่ได้มาพร้อมช่องต่อออดิโอ 3.5 มม. ซึ่งข้อเสียนี้ก็ทำให้โทรศัพท์เรือธงเหล่านี้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมในโลกและการใช้งานจริงมากขึ้น อย่าง P40 Pro และ Samsung Galaxy S20 Ultra มาพร้อมมาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่น อยู่ในน้ำลึกไม่เกิน 1.5 เมตร นาน 30 นาที ส่วน P40 และ Xiaomi ไม่ได้มีมาตรฐานเหล่านั้นอยู่

ราคาค่าตัว
สำหรับโทรศัพท์ P40 Series กำหนดวางจำหน่าย 7 เมษายน 2020 ส่วนราคาตีคร่าวๆ เป็นราคาไทยก็ 28xxx บาท กับ 35xxx บาท สำหรับรุ่น P40 และ P40 Pro ส่วนราคาของฝั่งคู่เทียบก็ตามด้านล่างนี้เลย

  • Samsung Galaxy S20 Ultra  39,900 บาท
  • Samsung  Galaxy S20+    31,900 บาท
  • Xiaomi Mi 10 Pro 5G 8/128GB 22,800 บาท
  • Xiaomi Mi 10 Pro 5G 8/256GB 26,900  บาท
  • Xiaomi Mi 10 Pro 5G 12/512GB 31,500 บาท

บทสรุป
ถ้ามองในแง่ของประสิทธิภาพต่อราคาที่คุ้มค่าโดยไม่มองแบรนด์ใหญ่หรือเล็ก โทรศัพท์ Mi 10 Pro ก็เป็นตัวเลือกที่เข้าท่าที่สุดจากทั้ง 3 รุ่น ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องที่สุดของทุกๆ คน เนื่องจากยังมีประเด็นอื่นๆ ที่แต่ละคนจะนำมาประกอบการตัดสินใจซื้อ อย่างเช่น ราคาขายต่อเมื่อระยะเวลาผ่านไป ความคุ้นชินในการใช้งาน เสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ ความรายรื่นในการใช้งาน หรือการผูกกับโปรโมชั่นของโอเปอร์เรเตอร์ที่แต่ละค่ายก็ทำออกมาได้น่าสนใจ ที่แน่ๆ คือ ถ้าคุณชอบ Huawei P40 Pro รออีกไม่กี่วันก็ได้ซื้่อแล้วครับ