รีวิว Amazfit GTS 2 Mini ราคาเบาๆ แต่ได้ฟังก์ชันเยอะเกินคุ้ม

PROS

โหมดออกกำลังกายหลากหลายชนิด
ติดตั้ง GPS, เซนเซอร์ SpO2
มีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพที่ดี
รองรับภาษาไทย
หน้าแสดงผลสว่างสีสันสดใส
ป้องกันน้ำระดับ 5ATM

CONS

ไม่มีลำโพงและไมโครโฟน
HR Sensor แบบเรียลไทม์เฉพาะโหมด Workout
ไม่สนับสนุนแอพฯ 3rd Party

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาดสมาร์ทวอชทั่วโลกถูกกระตุ้นด้วยการคุกคามของไวรัส Covid-19 อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ผู้คนมากมายมองหาเครื่องมือที่เข้ามาช่วยสังเกตอาการตัวเองจากอาการของไวรัส Covid-19 ไม่ว่าจะติดหรือไม่ติด หรือไม่แสดงอาการ ดังนั้นสมาร์ทวอชที่มาพร้อมกับเซนเซอร์  SpO2 สามารถวัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดและมีคุณสมบัติด้านอื่นๆ ในด้านการออกกำลังกายจึงกลายเป็นเป้าหมายในการตัดสินใจซื้อ

นาฬิกา Amazfit GTS 2 Mini เองก็เข้าสู่ตลาดในช่วงเดียวกับเทรนด์ความต้องการดังกล่าว หลังจากพัฒนาเพิ่มเติมมาจากนาฬิกา Amazfit GTS ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีเซนเซอร์ SpO2 นอกจากนั้นมันยังมีรุ่นพี่อย่าง Amazfit GTS 2 ที่เปิดตัวมาพร้อมๆ กัน มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า ดีไซน์ภาพรวมมีความเป็นแฟชั่นมากกว่า พร้อมด้วยฟีเจอร์การทำงานและราคาค่าตัวที่สูงกว่า (ประมาณ 4,990 บาท) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่มากกว่าจะเป็นเรื่องของโหมด Workout การสนับสนุน Voice Control แบบออฟไลน์ พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายใน ลำโพงและไมโครโฟนสำหรับการสนทนา เป็นต้น

Key Specification (GTS 2 Mini)

  • ขนาดหน้าจอ 1.55 inch, 354x306 pixel
  • AMOLED, ความสว่าง 450 nits
  • หน้าจอกระจก 2.5D เคลือบผิว Diamond coating
  • ตัวเรือนอะลูมิเนียมอัลลอยด์และพลาสติก
  • เซนเซอร์ BioTracker PPG, SpO2, 9-axis accelerometer,
  • 3-axis geomagnetic sensor, Air pressure sensor
  • Capacitive sensor, Ambient light brightness sensor
  • การเชื่อมต่อ GPS, Bluetooth 5.0 BLE
  • ป้องกันน้ำมาตรฐาน 5ATM
  • โหมด Workout 70 + โหมด
  • แบตเตอรี่ Lithium ion, 220mAh
  • ขนาด 40.5 x 35.8 x 8.95 mm
  • น้ำหนัก 19.5 กรัม

ตัวเรือนบาง น้ำหนักเบา หน้าจอขนาดพอดี แถมสว่างพอตัว

รูปทรงของ  Amazfit GTS 2 Mini เรียกได้ว่าเป็นพิมพ์นิยมสำหรับสมาร์ทวอชในทรงสี่เหลี่ยม ขอบมุมตัวเรือนโค้งมน หุ้มด้วยกรอบอะลูมิเนียมและตัวเรือนด้านล่างผลิตจากโพลีคาร์บอเนตผิวมันวาว ในส่วนของกระจกหน้าจอจะมีการเคลือบผิวป้องกันการขูดขีด ไม่ได้ใช้กระจก Gorilla Glass 3 ซึ่งจากการหยิบจับมันไปมารู้สึกว่า ไม่ใช่แค่มันมีความเบาเท่านั้น แต่ตัวเรือนมีความแข็งแรงมากกว่าที่มองเห็น กังวลเพียงอย่างเดียวก็คือ การเกิดริ้วรอยบนตัวเรือนด้านหลังและสายนาฬิกา

Amazfit GTS 2 Mini สื่อสารออกมาในตลาดด้วยหัวเรื่องของความเบา นอกจากตัวเรือนที่เบาแล้วสายซิลิโคนของมันก็เบามากด้วย แต่ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ มันให้ความรู้สึกบอบบางมากกว่าสายนาฬิกาอีกหลายๆ ตัวที่เคยสัมผัสมา ถึงอย่างนั้นภายใต้ความบางเบานี้ เราทดลองดึง บิด กระชาก ตัวสายนาฬิกาก็ยังคงรูปเหมือนเดิม ไม่มีปัญหาแม้กระทั่งตัวแกนสายนาฬิกา ในส่วนของสายจะมีขนาดความกว้าง 20 มิลลิเมตร และใช้แกนล็อกแบบสไลด์เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Amazfit BIP, Amazfit GTS ฯลฯ ดังนั้นคุณสามารถหาสายเปลี่ยนได้หลากหลาย ทั้งสีและรูปแบบสายที่ชอบ


หน้าจอของ Amazfit GTS 2 Mini มีขนาดที่ใกล้เคียงกับ Apple Watch Series 4 ขนาด 40 มม. ซึ่งจากการใช้งานรู้สึกได้ว่า มันเป็นขนาดที่เหมาะสำหรับกลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิง รวมถึงผู้ชายที่ไม่ได้มีข้อมือใหญ่ๆ การแสดงผลทำได้น่าพอใจ สีสันสดใสตามสไตล์พาแนล AMOLED ที่สำคัญหน้าจอที่ให้ความหนาแน่นของพิกเซล 301 PPI นี้สามารถแสดงเส้นหรือแม้ตัวอักษรได้อย่างละเอียดและคมชัด ทั้งยังมีค่าความสว่าง 450 nits สามารถมองเห็นสิ่งต่างบนหน้าจอท่ามกลางแสงแดดได้ไม่ยาก

สายชาร์จพลังงานมาในรูปแบบของพอร์ต USB ไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จมาให้ หน้าสัมผัสของตัวชาร์จใช้ระบบแม่เหล็ก หันถูกขั้วจะดึงเข้าล็อกทันที ไม่มีทางที่จะชาร์จผิดขั้วอย่างแน่นอน ส่วนสายเคเบิ้ลเส้นเล็ก มาพร้อมกับความยาว 80 เซนติเมตร

สั่งงานง่าย ผ่านการแตะ ปัด และกดปุ่ม

รูปแบบการสั่งงานของ Amazfit GTS 2 Mini ไม่ได้มีอะไรที่ซับซ้อน จากหน้าจอหลักหรือหน้า Watch Face  การปัดซ้ายขวาจะเป็นการเรียก Shortcup App (สามารถปรับแต่งได้จากเมนู Setting > Preference) ซึ่งในบางหน้าสามารถแตะเพื่อเข้าประวัติจัดเก็บข้อมูลหรือตั้งค่าเพิ่มเติม ส่วนการปัดขึ้นจะเป็นการเรียกดูรายการ Notification ปัดลงจะเรียกเมนูตั้งค่าที่สามารถตั้งค่าเปิดการป้องกันการรบกวน นาฬิกาปลุก การตั้งค่าความสว่างหน้าจอและเมนู Setting นอกจากนั้นการปัดไปทางซ้ายเมื่อเข้าไปในรายการต่างๆ จะเป็นการย้อนกลับ หากว่านาฬิกาไม่ย้อนกลับก็ให้ใช้การกดปุ่มมะยมแทน

การกดปุ่มมะยม 1 ครั้งจะเรียกรายการ App List ซึ่งรายการเหล่านี้จะไม่ได้แสดงออกมาทั้งหมดเท่าที่นาฬิกามี คุณสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ App List > More บนนาฬิกา หรือเข้าไปกำหนดผ่านแอพฯ Zepp > App list Management ซึ่งคุณจะต้องโหลดแอพฯ เมื่อเริ่มต้นใช้งาน Amazfit GTS 2 Mini ขณะที่การกดปุ่มมะยมค้างหรือ Press and Hold จะเป็นการเรียกแอพฯ ขึ้นมาอย่างเร่งด่วน แน่นอนว่า มันสามารถตั้งค่าให้สอดคล้องกับการทำงานของผู้ใช้ได้อีกเช่นกัน อย่างในกรณีส่วนตัวจะใช้การเรียกโหมดออกกำลังกายหรือ Workout ขึ้นมาแทน อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของการสัมผัสยังไม่ได้รวดเร็วแบบฉับพลัน มีการดีเลย์ให้รู้สึกได้ ขณะที่การแสดงผลถือว่าฉับไว แต่ความลื่นไหลของภาพกราฟิกยังไม่ได้ให้ความรู้สึกที่หวือหวาเหมือนกับทางฝั่ง Apple Watch

โหมดออกกำลังกายเยอะพร้อม GPS แถมแจ้งเตือน Heart Rate ได้อีก

Amazfit GTS 2 Mini มีฟีเจอร์ด้านฟิตเนสและการติดตามสุขภาพในแบบฉบับพิมพ์นิยมของสมาร์ทวอชในปัจจุบัน อย่างเช่น การนับจำนวนก้าว การบันทึกระยะทาง การคำนวณค่าเผาผลาญพลังงาน การติดตามการนอนหลับ การติดตามรอบประจำเดือน การติดตามความเครียด การปรับเปลี่ยนหน้า Watch Face โหมดออกกำลังกายมากกว่า 70 ประเภท  และการให้ค่า PAI (Personal physiological Activity Indicator) หรือค่าการทำกิจกรรมต่างๆ ฯลฯ นอกจากนั้นแล้ว หน้าจอเองก็ยังสามารถรายงานข้อมูลสำคัญๆ ได้เกือบหมดแล้ว ขณะที่การตรวจสอบข้อมูลหรือสถิติทั้งหมดผ่านแอพ Zepp สามารถให้ข้อมูลได้ละเอียดขึ้นและดูง่ายกว่า โดยเฉพาะการไล่ดูกราฟและสถิติย้อนหลัง

การปรับปรุงของ Amazfit GTS 2 Mini มีหลายส่วนนี้ในแง่ของฮาร์ดแวร์ที่เป็นพื้นฐานของการทำงานด้านสุขภาพ อาทิ การใช้เซนเซอร์ BioTracker PPG เวอร์ชัน 2 ทำหน้าที่ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งสามารถแจ้งเตือนหากหัวใจมีการเต้นผิดปกติ ลักษณะการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจของนาฬิกาจะเป็นแบบ All-Day ไม่ใช่แบบเรียลไทม์ สามารถกำหนดให้มีความถี่ในการวัดได้สูงสุด 1 นาทีไปจนถึง 30 นาที

เซนเซอร์วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดหรือเซนเซอร์ SpO2 จะไม่สามารถทำงานได้เองโดยอัตโนมัติเหมือนกับ Huawei Band 6 ยังต้องอาศัยการสั่งงานด้วยตัวผู้ใช้เอง

การมีโมดูล GPS ในตัวไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นอะไรไปแล้วสำหรับสมาร์ทวอชตตระกูล Amazfit แต่ในทางกลับกันหลายแบรนด์จะต้องจ่ายเงินมากกว่านี้เพื่อให้ได้ฟีเจอร์ดังกล่าว การทำงานของ GPS บน  Amazfit GTS 2 Mini จะเปิดใช้งานต่อเมื่อมีการเรียกโหมดออกกำลังกายจำพวก Outdoor อย่างเช่น Walking, Outdoor Cycling, Outdoor Running, Skateboarding  หรือที่มีความจำเป็นต้องใช้การจัดเก็บข้อมูลระยะทาง เพราะเมื่อเสร็จสิ้น นาฬิกาจะแสดงเส้นทางการออกวิ่งหรือปั่นจักรยาน รวมถึงข้อมูลสรุปอื่นๆ และในระหว่างออกกำลังกาย

นาฬิกาเองก็มีการมอนิเตอร์ริ่งอัตราการเต้นของหัวใจ ระยะเวลา ความเร็ว ปริมาณการเผาผลาญพลังงาน ฯลฯ รวมถึงแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจหากเกินโซนที่กำหนด (จำเป็นต้องเปิดด้วยตัวเอง) หรือการแจ้งเตือนเพื่อรักษา Pace ของการวิ่ง นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดเป้าหมาย (Goal) ในการวิ่งได้อีกด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ สำหรับสายวิ่งออกกำลังกายที่ต้องการควบคุมโซนการเต้นของหัวใจและความเร็วในการวิ่ง  นอกจากนั้นแล้วการมี GPS ยังช่วยให้สายวิ่งหรือสายปั่น ไม่ต้องพกพาสมาร์ทโฟนให้เกะกะ (น่าเสียดายที่ไม่มีหน่วยความจำภายในสำหรับการเล่นเพลงขณะวิ่ง) เมื่อเสร็จกิจกรรมแล้ว ข้อมูลดังกล่าวจะถูกจัดเก็บเป็นประวัติไว้ใน  Amazfit GTS 2 Mini และจะถูกซิงก์โครไนส์เข้ากับแอพ Zepp เมื่อผู้ใช้เปิดมันขึ้นมา

Enjoy กับฟีเจอร์อรรถประโยชน์
ทีมงานขอไม่พูดการติดตามการนอนหลับ เพราะมันมีขอบเขตการทำงานที่เข้าใจได้ง่าย แต่ละแบรนด์ก็มีคุณสมบัติที่ไม่แตกต่างกัน กลับมาที่เรื่องฟีเจอร์อรรถประโยชน์ ซึ่งหลายๆ คนอาจมองข้ามและให้ความสำคัญ อย่างเช่น ระบบแจ้งเตือน Notification นาฬิกาปลุก ตัวจับเวลา ตัวควบคุมเพลง รีโมทกล้อง ค้นหาโทรศัพท์ รายงานสภาพอากาศ ฯลฯ


สิ่งเหล่านี้สามารถตั้งค่าให้ใช้งานได้ทั้งหมดผ่านสมาร์ทโฟน iOS ส่วนแอนดรอยด์บางรุ่นตั้งค่าให้ใช้งานสมบูรณ์ได้ยาก สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ การที่มันไม่มีลำโพง ไมโครโฟน  และหน่วยความจำภายในสำหรับเก็บเพลง หากคุณต้องการสิ่งเหล่านี้ ขยับไปหารุ่น Amazfit GTS 2

Amazfit GTS 2 Mini สอดแทรกฟีเจอร์ Pomodora Tracker มาให้ด้วย ซึ่งเป็นการช่วยให้ผู้ใช้ตั้งสมาธิจดจ่อกับการทำงานร่วมกับการจับเวลาและการพักเป็นรอบๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานหากสามารถฝึกฝนให้เป็นนิสัย 

บทสรุปและความคิดเห็น
ด้วยความเป็นเวอร์ชัน Mini จึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่จะตัดฟีเจอร์ออกจากรุ่นพี่ของตัวเอง แน่นอนทำให้ราคาต่ำลง ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่าย ถึงอย่างนั้น  Amazfit GTS 2 Mini ก็ยังคงเป็นสมาร์ทวอชสำหรับการออกกำลังกายขนาดเล็กที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ทันสมัยเกือบทั้งหมดสำหรับปี 2021 ทีมงานมองว่า มันเหมาะมากสำหรับสำหรับผู้ใช้งานระดับเริ่มต้น เนื่องจากหากมองไปที่รายละเอียดปลีกย่อยในเรื่องฟีเจอร์แล้วก็ยังมีข้อด้อยเล็กๆ น้อยเมื่อเทียบกับสมาร์ทวอชของผู้ผลิตรายอื่นๆ หวังว่าการอัพเดตซอฟต์แวร์ในอนาคต ข้อด้อยเล็กๆ น้อยเหล่านั้นจะถูกพัฒนาให้ดีขึ้น อีกเรื่องหนึ่งที่หลายๆ คนให้ความสำคัญก็คือ เรื่องแบตเตอรี่ จากใช้งานเป็นระยะเวลา 5 วัน สวมใส่ตลอดเวลา ออกกำลังกาย 4 ครั้ง กำหนดให้วัดอัตราการเต้นหัวใจทุกๆ 5 นาที วัดค่าออกซิเจนวันละ 3 ครั้ง และสวมใส่นอนทุกวัน แบตเตอรี่ถูกใช้งานไป 58 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการที่ผู้ผลิตระบุว่า สามารถใช้งานได้ 14 วัน อาจเป็นไปได้ว่า เป็นการตั้งค่าการใช้งานแบบมาตรฐานไม่ได้การตั้งค่าแบบเผาผลาญแบตเตอรี่อย่างที่เราทดสอบใช้งาน

สำหรับคนที่สนใจ Amazfit GTS 2 Mini หาซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์ Amazfit Official Store ในราคา 3,199 บาท ตามลิงก์ข้างล่างครับ
Shopee : https://bit.ly/35a7GrL
Lazada : https://bit.ly/35jBwud

Thanks : Amazfit official store